ประวัติ ของ คริส_โคลัมบัส

โคลัมบัสเกิดในเมืองสแปงเกลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย (Spangler, Pennsylvania) และเติบโตในย่านนอกเมืองยังสทาวน์ รัฐโอไฮโอ้ (Youngstown, Ohio) ช่วงวัยรุ่นเขาก็ได้รับอิทธิพลจาก Marvel Comics และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างหนังสือการ์ตูนกับสตอรี่บอร์ด จนกระทั่งเข้าเรียนชั้นมัธยมก็เริ่มสร้างหนัง 8 มิลลิเมตร และวาดสตอรี่บอร์ดเอง ซึ่งเขาก็ยังทำเช่นนั้นมาจวบจนทุกวันนี้ พอจบชั้นมัธยมแล้วเขาก็เข้าเรียนหลักสูตร Directors Program ของ Tisch School of the Arts สถาบันชื่อดังแห่ง New York University

โคลัมบัสประสบความสำเร็จจากการเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ก่อน โดยขาย Jocks บทภาพยนตร์เรื่องแรกที่เป็นกึ่งอัตชีวประวัติเฮฮาว่าด้วยชีวิตของเด็กผู้ชายในโรงเรียนแคธอลิค ผู้พยายามหาทางเป็นสมาชิกของทีมฟุตบอลให้จนได้ เมื่อจบการศึกษาจาก NYU แล้วโคลัมบัสก็เขียนบท Reckless (1984) ภาพยนตร์ดราม่าที่ว่าด้วยเมืองเล็กที่อ้างอิงจากประสบการณ์ที่เขาไปเป็นพนักงานโรงงานเล็ก ๆ ในโอไฮโอ้ (Ohio) ที่เจมส์ โฟลี่ (James Foley) มากำกับ, และนำแสดงโดยไอแดน ควินน์ (Aidan Quinn) กับดาริล แฮนน่า (Daryl Hannah)

โคลัมบัสดังเป็นพลุคับฮอลลีวู้ด (Hollywood) เมื่อสตีเว่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) อำนวยการสร้างภาพยนตร์หลายเรื่องจากบทของเขา และประสบความสำเร็จติดต่อกันไม่เว้นปี รวมทั้ง Gremlins (1984) ที่โจ ดังเต้ (Joe Dante) กำกับ, และ The Goonies (1985) ที่ริชาร์ด ดอนเนอร์ (Richard Donner) กำกับและกลายเป็นผลงานพลิกโฉมวงการด้วย มุขฮาหลุดกรอบ, และขยันแทรกประเด็นแปลกใหม่ไม่คุ้นตาต่างไปจากหนังลุ้นระทึกผจญภัยที่ขึ้นหิ้งคลาสสิกทั้งหลาย หลังจากนั้นโคลัมบัสเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Young Sherlock Holmes ที่กำกับโดยแบร์รี่ เลวินสัน (Barry Levinson)

ความสำเร็จจากงานเขียนบทภาพยนตร์ส่งให้โคลัมบัสได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Adventures in Babysitting (1987) ที่นำแสดงโดย เอลิซาเบ็ธ ชู (Elisabeth Shue) การพบกับจอห์น ฮิวจ์ (John Hughes) ทำให้เขาได้กำกับ Home Alone (1990) ภาคแรกของไตรภาคสุดฮา ซึ่ง Home Alone ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนต้องสร้างภาคต่อ Home Alone 2: Lost in New York ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากทั่วทุกมุมโลกและเป็นการแจ้งเกิดแม็คคูเลย์ คัลคิ้น (Macaulay Culkin) ในโลกมายาอย่างเต็มตัว ส่วน Only the Lonely (1991)

ผลงานดราม่าตลกหวานปนขมขื่นที่โคลัมบัสกำกับจากบทภาพยนตร์ของเขาเองก็ได้รับการยกย่องว่าส่งให้จอห์น แคนดี้ (John Candy) ผู้ล่วงลับไปแล้วได้แสดงบทที่เหมาะกับเขาสุด ๆ และยังเป็นผลงานหวนคืนสู่จอภาพยนตร์อีกครั้งของมัวรีน โอฮาร่า (Maureen O’Hara) ด้วย

ผลงานตลกของโคลัมบัสเรื่อง Mrs. Doubtfire (1993) ที่รอบิ้น วิลเลี่ยม (Robin Williams) กับแซลลี่ ฟิลด์ (Sally Field) นำแสดงก็ชนะใจนักวิจารณ์และผู้ชมทุกเพศทุกวัย หลังจากนั้นเขาก็กำกับ Nine Months (1995) ที่นำแสดงโดยฮิวจ์ แกรนท์ (Hugh Grant) กับจูเลียน มัวร์ (Julianne Moore) ก่อนจะกำกับ Stepmom (1998) ที่นำแสดงโดยจูเลีย โรเบิร์ต (Julia Roberts) กับซูซาน ซาแรนดอน (Susan Sarandon) เขายังรับชานหินเมื่อถูกทาบทามให้กำกับ Harry Potter and the Sorcerer’s Stone (2001)

ภาพยนตร์ภาคแรกที่สร้างอ้างอิงจากหนังสือขายดีของเจ เค โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling) ที่ผู้อ่านหนังสือทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัยตั้งตารอคอย ซึ่งโคลัมบัสเลือกนักแสดงเยาวชนหน้าใหม่อย่างแดเนียล แรดคลิฟ (Daniel Radcliffe), เอ็มม่า วัตสัน (Emma Watson), และรูเพิร์ต กรินท์ (Rupert Grint) มารับบทแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter), เฮอร์ไมโอนี่ แกรงเกอร์ (Hermione Granger), และรอน วีสลี่ย์ (Ron Weasley) ซึ่งก็เหป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขาในการปั้นและกำกับนักแสดงรุ่นเยาวชนให้กลายเป็นนักแสดงภาพยนตร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ความสำเร็จอย่างมหาศาลของ Harry Potter and the Sorcerer’s Stone ตามมาด้วย Harry Potter and the Chamber of Secrets (2002) ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้าง Harry Potter and the Prisoner of Azkaban, กำกับ RENT ซึ่งดัดแปลงจากละครเวที Broadway เจ้าของรางวัล Pulitzer Prize, และอำนวยการสร้าง Night at the Museum (2006) ที่นำแสดงโดยเบน สติลเลอร์ (Ben Stiller), กำกับโดยชอว์น เลวี่ (Shawn Levy), จากบทของโรเบิร์ต เบ็น กาแรนท์ (Robert Ben Garant) กับโธมัส เล็นนอน (Thomas Lennon) และกวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ