ความรุนแรงทางการเมืองของปาเลไตน์ หมายถึง การก่อเหตุรุนแรงหรือการก่อการร้ายซึ่งมีลัทธิชาตินิยมปาเลสไตน์เป็นเหตุจูงใจ
[1] วัตถุประสงค์ทางการเมืองได้แก่การกำหนดการปกครองด้วยตนเองและเอกราชเหนือปาเลสไตน์
[2][3] "การปลดปล่อยปาเลสไตน์" และการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ ไม่ว่าทั้งในประเทศอิสราเอลและ
ดินแดนปาเลสไตน์ หรือเฉพาะในดินแดนปาเลสไตน์
[4][5][6] บางครั้งความรุนแรงดังกล่าวมุ่งเป้าหมายจำกัดกว่า เช่น การปลดปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์ในประเทศอิสราเอล อีกเป้าหมายสำคัญหนึ่งคือการเรียกร้องสิทธิกลับมาตุภูมิของชาวปาเลสไตน์
[7]กลุ่มปาเลสไตน์ซึ่งเกี่ยวข้องในความรุนแรงซึ่งมีการเมืองเป็นเหตุจูงใจ ได้แก่
องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO)
ฟะตะห์ แนวร่วมประชาชนเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PFLP)
กองบัญชาการใหญ่แนวร่วมประชาชนเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PFLP-GC) แนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ องค์การอะบู นิดาล,
ญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ และ
ฮะมาส[8] PLO ประกาศเลิกก่อการร้ายอย่างเป็นทางการในปี 1988 และฟะตะห์แถลงว่าจะไม่ข้องแวะกับการก่อการร้ายอีก แม้องค์การฯ ยังคงจูงใจให้เกิดการก่อการร้ายโดยการให้รางวัลเป็นค่าจ้างปริมาณมากแก่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ที่ถูกฆ่าหรือลักพาตัวขณะก่อเหตุก่อการร้ายโดยกองทุนมรณสักขีองค์การปาเลสไตน์ ซึ่งคิดเป็นรายจ่ายร้อยละ 7 ของงบประมาณแห่งชาติขององค์การฯ
[9] PFLP-GC ไม่ปฏิบัติการต่อในระดับนานาชาติ องค์การอะบู นิดาลถูกยุบไปหลังเขาเสียชีวิตเหลือเพียงชื่อเท่านั้น
[10][11][12]ยุทธวิธีที่ใช้ ได้แก่ การจับตัวประกัน การจี้เครื่องบิน การปาก้อนหิน การใช้มีดแทง การยิงและการวางระเบิด
[13] รัฐบาลสหรัฐ แคนาดาและสหภาพยุโรปถือหลายกลุ่มข้างต้นว่าเป็นองค์การก่อการร้าย
[14][15][16]ความรุนแรงทางการเมืองของปาเลสไตน์มุ่งเป้าชาวอิสราเอล ชาวปาเลสไตน์ ชาวเลบานอน ชาวจอร์แดน
[17] ชาวอียิปต์
[18] ชาวอเมริกันและพลเมืองของประเทศอื่น
[19] เกิดการโจมตีทั้งในและนอกประเทศอิสราเอลและยังมุ่งเป้าต่อเป้าหมายทั้งทางทหารและพลเรือน สถิติของอิสราเอลระบุว่ามีชาวอิสราเอลถูกฆ่า 3,500 คน
[19][20] และได้รับบาดเจ็บ 25,000 คนอันเนื่องจากความรุนแรงของปาเลสไตน์นับแต่การสถาปนารัฐอิสราเอลในปี 1948 จำนวนดังกล่าวรวมทหารและพลเรือน รวมทั้งผู้เสียชีวิตในเหตุยิงปะทะ
[21][22] สถิติของอิสราเอลที่แสดงรายการการโจมตีก่อการร้ายข้าศึกนับรวมกรณีที่เป็นการปาก้อนหินด้วย การวางระเบิดฆ่าตัวตายคิดเป็น 0.5% ของการโจมตีของชาวปาเลสไตน์ต่ออิสราเอลในอินติฟาดาอัลอักซอในช่วงสองปีแรก แม้จำนวนดังกล่าวคิดเป็นครึ่งหนึ่งของชาวอิสราเอลที่ถูกฆ่าในช่วงเวลานั้น
[23]ความเศร้า แผลใจหรือการล้างแค้นอิสราเอลส่วนบุคคลยังคงเป็นส่วนสำคัญในการจูงใจก่อเหตุโจมตีต่อชาวอิสราเอล
[24][25][26]