ลักษณะเฉพาะของคำสมาส ของ คำสมาส

  1. คำมูลที่นำมารวมกันนั้นต้องเป็นคำที่มาจากภาษาบาลีหรือสันสกฤตเท่านั้น
  2. ก่อนรวมเป็นคำสมาสคำหน้าสามารถประวิสรรชนีย์หรือมีตัวการันต์ได้ แต่เมื่อรวมเป็นคำสมาสแล้วต้องตัดทิ้ง เช่น แพทย์+ศาสตร์ → แพทยศาสตร์; พละ+ศึกษา → พลศึกษา
  3. มีการอ่านสระท้ายของคำหน้า เช่น ประวัติ+ศาสตร์ → ประวัติศาสตร์ [ประ-หวัด-ติ-สาด] แต่ก็มียกเว้นเช่น สุพรรณบุรี
  4. การแปลต้องแปลจากหลังมาหน้า (คำตั้งอยู่หลังคำขยายอยู่หน้า) เช่น ราชการ การ เป็นคำตั้ง ราช ขยาย การ = งานของพระเจ้าแผ่นดิน; อุบัติเหตุ เหตุ เป็นคำตั้ง อุบัติ ขยาย เหตุ = เหตุการณ์ที่เกิดโดยไม่คาดคิด แต่ก็มีคำสมาสบางคำที่แปลจากหลังไปหน้า และหน้าไปหลังได้ถ้ามีความหมายเหมือนกัน ก็ถือเป็นคำสมาส เช่น บุตร+ธิดา → บุตรธิดา ไม่ว่าจะแปลจากหลังไปหน้าหรือหน้าไปหลัง ก็แปลว่า ลูก เหมือนกัน
  5. คำที่ขึ้นต้นด้วย พระ แล้วคำหลังเป็นภาษาบาลีหรือสันสกฤตถือว่าเป็นคำสมาส เช่น พระอาทิตย์, พระองค์ ส่วน พระเจ้า ไม่ใช่คำสมาสเพราะ เจ้า เป็นคำไทยแท้