ประวัติ ของ จตุคามรามเทพ

ในการจัดสร้างรูปเคารพขององค์จตุคามรามเทพ เมื่อปี พ.ศ. 2530 เป็นครั้งแรกในรูปแบบพระผงสุริยัน-จันทรา ดวงตราพญาราหู มีแวดล้อมด้วยพระราหู 8 ตน ตรงกลางมีรูปของเทวรูปประทับนั่ง 2 เศียร 4 กร ทรงเครื่องอาวุธ และผู้สร้างในสมัยนั้นก็ให้ความหมายไว้ว่า คือรูปจำลองสมมติของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เป็นตัวแทนขององค์จตุคามรามเทพ กษัตริย์แห่งกรุงศรีวิชัย

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 ทางโหราศาสตร์เกิดสุริยคราส พาดผ่านประเทศไทย ซึ่งเกิดกระแสตื่นตัวไปทั่วประเทศในเรื่องของพระราหูกินเมือง ประชาชนต่างก็หาวัตถุมงคลหาเครื่องรางของขลัง มาแขวนติดตัวเพื่อแก้เคล็ดและสะเดาะเคราะห์ ประกอบกับนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ได้ลงประวัติการสร้างทำให้มีคนรู้จักบ้าง จึงได้มีการเช่าหากันไปในบางส่วน

ในต้นปี พ.ศ. 2550 จตุคามรามเทพได้รับความนิยมอย่างยิ่ง จนกลายเป็นกระแสในสังคมไทย จากข่าวการพระราชทานเพลิงศพของขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจมือปราบ ผู้ร่วมการจัดสร้างวัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นแรกขึ้นโดยมี พล.ต.ท. สรรเพชร ธรรมาธิกุล เป็นประธานในการจัดสร้าง ได้มีการสร้าง วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ขึ้นในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีหลายรุ่น พระเกจิหลายองค์ปลุกเสก หลายคนพากันแย่งชิงจนเกิดเป็นเหตุให้ฆาตกรรมกันก็มี และผลจากกระแสนี้ส่งผลให้ วัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นแรก ที่ผลิตออกมาในปี พ.ศ. 2530 มีราคาพุ่งไปถึงกว่า 40 ล้านบาท จากเดิมที่มีราคาเพียง 49 บาทเท่านั้น

กระแสความศรัทธาได้พุ่งทะยานขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นพุทธพาณิชย์ และแฟชั่นบูชา ขยายวงกว้างไปทุกชนชั้น วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ได้ถึงจุดความนิยมสูงสุดกลายเป็นวัตถุบูชา ที่ถูกผลิตขึ้นมากมายใกล้หนึ่งพันรุ่น ที่มีการปลุกเสกแบบรายวัน เกือบทุกวัด เกือบทุกแผงพระ และแม้แต่ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ มีการนำวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ มาจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ทั้งการกุศลและไม่ใช่กุศล

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีการประเมินมูลค่าเงินหมุนเวียน ของ วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ มีมูลค่าสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท ผลักดันจีดีพีของประเทศ โตขึ้น 0.1-0.2 % ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา และทำให้กรมสรรพากร พิจารณาการจัดเก็บภาษีจากการสร้างและเช่าบูชา วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ด้วย