ประวัติ ของ จอห์น_ทอแช็ก

ทอแช็กเกิดที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ เข้าสู่วงการฟุตบอลเป็นครั้งแรกเมื่อได้เข้ามาอยู่ในทีมคาร์ดิฟฟ์ซิตีตั้งแต่อายุ 16 ปี ภายใต้การคุมทีมของจิมมี สกูลา และเคยเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่ได้ลงเล่นในลีก เมื่อเขาลงสนามนัดแรกและยิงประตูได้ในเกมส์ชนะทีมเลย์ตันออเรียนต์ 3-1 ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1965 ขณะมีอายุได้ 16 ปี 236 วัน สถิติดังกล่าวยืนยาวมาถึง 42 ปี จนกระทั่งถูกทำลายโดยแอรอน แรมซีย์ จอห์น ทอแช็กจัดเป็นหนึ่งในกองหน้าชั้นยอดของทีมเคียงคู่กับไบรอัน คลาร์ก หลังจากอยู่กับทีมมาถึง 4 ปี โดยลงสนามให้ทีมถึง 162 นัดและยิงได้ 75 ประตู เขาก็ย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 1 แสน 1 หมื่นปอนด์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1970 ภายใต้การคุมทีมของบิล แชงคลีย์และบ็อบ เพรสลีย์ อีก 3วันต่อมา เขาได้ลงสนามให้ทีมเป็นนัดแรกในเกมส์ที่เปิดบ้านเสมอกับคอเวนทรีซิตี ทอแช็กทำประตูแรกในชุดหงส์แดงได้เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1970 ในเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมตช์กับเอฟเวอร์ตัน ที่สนามแอนฟีลด์ โดยลิเวอร์พูลชนะไป 2-0 และเขายิงประตูแรกให้ทีมขึ้นนำ หลังเสมอกันในครึ่งแรก 0-0

ปี ค.ศ. 1971 เควิน คีแกน ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของทีมอีกคนหนึ่ง ทอแช็กและคีแกนสร้างชื่อเสียงและโด่งดังอย่างมากในการเล่นร่วมกัน โดยทอแช็กไร้เทียมทานเมื่อเล่นลูกกลางอากาศ และคีแกนเป็นตัวจบสกอร์ชั้นยอดเมื่อลูกอยู่บนพื้น โดยแฟน ๆ สามารถเห็นการการประสานงานของทั้งคู่จนนำไปสู่การยิงประตูบ่อยครั้ง และนิตยสารฟุตบอลถึงขนาดนำเขาและคีแกนไปเปรียบเทียบกับแบทแมนและโรบิน หลังจากที่คีแกนย้ายไปเล่นในเยอรมนีกับสโมสรฮัมบวร์ค ก็มีการเปิดเผยสถิติว่าประตูที่เควิน คีแกน ยิงให้ลิเวอร์พูลกว่า 100 ลูก มาจากจอห์น ทอแช็ก

ในช่วงเวลาระหว่างเขาและลิเวอร์พูลเขายิงให้ทีมได้ 96 ประตู และเป็นส่วนหึ่งของทีมชุดที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาล 1972-1973, 1975-1976 และฤดูกาล 1976-1977 รวมถึงแชมป์เอฟเอคัพในปี ค.ศ. 1974 แชมป์ยูฟ่าคัพปี ค.ศ. 1973 และ ค.ศ. 1976

ส่วนผลงานในระดับชาตินั้น ทอแช็กลงสนามรับใช้ทีมชาติเวลส์ตั้งแต่ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี และทีมชาติชุดใหญ่ โดยลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ทั้งหมด 40 นัดและยิงได้ 12 ประตู โดยเป็นการยิงแฮตทริกในเกมส์พบสกอตแลนด์ในศึกบริติชโฮมแชมเปียนชิปในปี ค.ศ. 1979 อย่างไรก็ตาม ปัญหาอาการบาดเจ็บของเขาทำให้เขาถูกขายให้ทีมสวอนซีซิตี โดยย้ายไปทำหน้าที่ผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 1978

บทบาทผู้จัดการทีม

ทอแช็กสร้างผลงานการคุมทีมอย่างร้อนแรงเมื่อพาทีมสวอนซีซิตีเลื่อนชั้นจากดิวิชัน 4 (ลีกทูในปัจจุบัน) ขึ้นมาสู่ดิวิชัน 1 (ปัจจุบันคือพรีเมียร์ลีก) ในเวลาเพียง 3 ฤดูกาล และนั่นเป็นหนึ่งในผลงานที่ทำให้เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นโอบีอีในฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ให้วงการฟุตบอลอังกฤษ

ปี ค.ศ. 1984 ทอแช็กรับงานคุมทีมในโปรตุเกสกับทีมสปอร์ติงลิสบอน แต่ก็อยู่กับทีมเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงย้ายไปคุมทีมในสเปนและมีผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก เมื่อเขาได้คุมทีมเรอัลมาดริดถึง 2 ครั้ง เรอัลโซเซียดัด 3 ครั้ง และยังเคยคุมทีมเดปอร์ติโบลาโกรุญญาและเรอัลมูร์เซีย นอกจากนี้เขายังเคยทำงานในตุรกี เมื่อรับงานคุมทีมเบชิกทัช และย้ายไปฝรั่งเศสในการคุมทีมแซ็งเตเตียน และมีประสบการณ์ในการทำงานที่อิตาลีกับทีมกาตาเนีย

ทอแช็กได้เป็นผู้จัดการทีมชาติเวลส์มาแล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1994 แต่อยู่ในตำแหน่งเพียงแค่ 41 วัน หลังจากที่เขาลาออกจากตำแหน่ง หลังพาทีมแพ้ทีมชาตินอร์เวย์ 3-1 และกลับมารับตำแหน่งเดิมอีกครั้งในปี ค.ศ. 2004

ชีวิตส่วนตัว

จอห์น ทอแช็ก เติบโตมาในเขตแคนตัน เมืองคาร์ดิฟฟ์ในเวลส์ โดยจอร์จ ทอแช็ก พ่อของเขาประกอบอาชีพเป็นช่างไม้

ในขณะที่จอห์น ทอแช็ก โด่งดังในฐานะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ เมื่อมีอายุครบ 20 ปี เขาได้แต่งงานกับซูซัน เอลิซาเบท แบนน์ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1969 โดย แคเมอรอน ทอแช็ก ลูกชายของทั้งคู่ได้มาเป็นสตาฟฟ์โค้ชในทีมเยาวชนของสโมสรสวอนซีซิตีในปี ค.ศ. 2013 จนถึงปัจจุบัน

ในปี ค.ศ. 2012 เอลิซาเบท ทอแช็ก ภรรยาของเขาได้ยื่นเรื่องฟ้องหย่าต่อศาลสูงในกรุงลอนดอนแผนกคดีครอบครัว และผู้พิพากษาได้มีคำพิพากษาให้ทั้งคู่หย่ากันในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 เป็นการสิ้นสุดการใช้ชีวิตคู่อย่างยาวนานถึง 43 ปีของเขาและภรรยา

ผลงาน

ในฐานะผู้เล่น

ในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการ

  • ดิวิชัน 4 : อันดับ 3 1978
  • ดิวิชัน 3 : อันดับ 3 1979
  • ดิวิชัน 2 : อันดับ 3 1982
  • เวลส์คัพ : 1981, 1982, 1983

ในฐานะผู้จัดการทีม

  • โกปาเดลเรย์ : แชมป์ ค.ศ. 1987, รองแชมป์ ค.ศ. 1988, ค.ศ. 1990
  • ลาลิกา : แชมป์ ค.ศ. 1990
  • ซูเปร์โกปาเดเอสปัญญา : แชมป์ ค.ศ. 1995
  • เตอร์กิชคัพ : แชมป์ ค.ศ. 1998, รองแชมป์ ค.ศ. 1999
  • อาเซอร์ไบจานซูเปอร์คัพ : แชมป์ ค.ศ. 2013
  • ลีกโบโตลาโปรโมร็อกโก : แชมป์ ค.ศ. 2015