สมเด็จพระจักรพรรดิเหลียวเซิ่งจง (เย่ว์ลี่หลงซีว์) (ค.ศ. 971 - 1031) จักรพรรดิองค์ที่ 6 แห่ง
ราชวงศ์เหลียว ประสูติเมื่อ ค.ศ. 972 (พ.ศ. 1515) โดยเป็นพระราชโอรสใน
จักรพรรดิเหลียวจิ่งจง กับ
เซี่ยวไทเฮาทรงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเหลียวเซิ่งจง เมื่อ ค.ศ. 982 (พ.ศ. 1525) ขณะพระชนม์เพียง 11 พรรษา เนื่องจากยังทรงพระเยาว์เซี่ยวไทเฮาจึงต้องเป็น
ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ในช่วงนั้นกองทัพซ่งที่นำโดย
จักรพรรดิซ่งไท่จง (
เจ้ากวงอี้)กำลังรุกรานเมืองหลวงทางใต้ของเหลียว คือกรุง
ปักกิ่งในปัจจุบันปี ค.ศ. 1004 (พ.ศ. 1547) ทรงนำกองทัพเหลียวขนาดใหญ่บุกเข้ามายังดินแดนของ
ราชวงศ์ซ่ง โดยทรงตั้งค่ายนอกเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือขึ้นไป 100 ไมล์จาก
เมืองไคฟง ซึ่งผลจบลงด้วยการทำสนธิสัญญาเมื่อกลางเดือนมกราคม ค.ศ. 1005 (พ.ศ. 1548) ผลของสนธิสัญญานี้คือจีนต้องยกผ้าไหม 100,000 ม้วนและเงินอีก 200,000 ออนซ์ ในรัชกาลนี้ถือเป็นยุคทองของราชวงศ์เหลียวอย่างแท้จริง เพราะมีความเจริญทุกด้านเข้ามาสู่ต้าเหลียว โปรดให้มีระบบการคัดเลือกขุนนาง และ
พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาสู่อาณาจักรต้าเหลียว ฮ่องเต้เซิ่งจงยังรุกราน
อาณาจักรโครยอ (เกาหลี) ถึงสามครั้ง เพราะทรงไม่แน่ใจในนโยบายการต่างประเทศของทางโครยอและทรงเกรงว่าจะไปเข้าพวกกับต้าซ่ง ในค.ศ. 993 เสียวซุนหนิงได้นำทัพคิตันบุกเข้าไปในอาณาจักรโครยอ ประสบความสำเร็จแต่การเจรจาปักปันดินแดนไม่เป็นผลตามต้องการจึงถอยทัพกลับ ในค.ศ. 1009 อาณาจักรโครยอเกิดกลียุคแย่งชิงอำนาจกัน ฮ่องเต้เซิ่งจงทรงนำทัพด้วยพระองค์เองเข้าไปในโครยอ สังหารแม่ทัพคังโจและตีเมือง
แคซอง เมืองหลวงของโครยอได้ ฮ่องเต้เซิ่งจงทรงเจรจากับ
พระเจ้าฮย็อนจงแห่งโครยอ ทรงเรียกร้องให้โครยอมาเป็นประเทศราชของเหลียวและยกดินแดนทางตอนเหนือให้ ซึ่งพระเจ้าฮย็อนจงก็ทรงไม่ยอม ฮ่องเต้เซิ่งจงทรงเห็นว่าถ้าประทับอยู่ในโครยอต่อไปเสบียงอาจถูกตัดขาดจึงทรงนำทัพถอยกลับในค.ศ. 1019 ทัพคิตันบุกเข้าไปในโครยออีกครั้งนำโดยเสียวไป่หยา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ สงครามระหว่างเหลียวกับโครยอจึงเลิกไปแต่บัดนั้นสวรรคตในปี ค.ศ. 1031 (พ.ศ. 1574) ขณะพระชนม์ได้ 60 พรรษา ทรงครองราชย์ได้ยาวนานที่สุดของราชวงศ์ เป็นเวลา 49 ปี แต่หลังสิ้นรัชสมัยของพระองค์แล้ว ราชวงศ์ก็เริ่มเสื่อมและอ่อนแอลง จนในที่สุดก็ถูกพวก
จินหรือ
กิมผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งในที่สุด พระราชโอรสของพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น
จักรพรรดิเหลียวซิ่งจงสืบต่อมา