ประวัติ ของ จักรวรรดิกาแลกติก

กำเนิด

พัลพาทีนกล่าวแถลงการณ์การสถาปนาจักรวรรดิกาแลกติก

อาจถือได้ว่าจักรวรรดิถือกำเนิดขึ้นจากการวางแผนของวุฒิสมาชิกพัลพาทีนแห่งนาบูผู้ที่แท้จริงแล้วคือซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส พัลพาทีนสร้างวิกฤติการณ์ขึ้นโดยเริ่มจากให้สหพันธ์พาณิชย์ดำเนินการปิดกั้นนาบู และยุยงให้ราชินีอมิดาลายื่นญัตติไม่ไว้วางใจในตัวสมุหนายกวาโลรัม และในที่สุดพัลพาทีนก็ได้รับเลือกให้เป็นสมุหนายก เมื่อดาร์ธ มอลศิษย์ของพัลพาทีนถูกโอบีวัน เคโนบี สังหารบนดาวนาบู ซิเดียสก็ได้รับเอาอดีตอาจารย์เจได เคานท์ดูกู เข้าเป็นศิษย์แทน เคานท์ดูกูนี่เองที่เข้าร่วมกับกับสหพันธ์พาณิชย์าภายใต้การนำของอุปราชนุต กันเรย์ และก่อตั้งสหภาพพิภพอิสระขึ้นเพื่อทำสงครามกับสาธารณรัฐ พัลพาทีนอาศัยภาวะสงครามนี้สร้างกองทัพโคลนขึ้นเพื่อรับใช้สาธารณรัฐ

พัลพาทีนใช้ความเป็นผู้นำที่เก่งกาจของตนยุติการฉ้อฉลในสภา และได้รับมอบอำนาจมากขึ้นซึ่งเป็นผลจากสงครามโคลน จนในที่สุดแล้ว สภาแทบจะสูญเสียอำนาจทั้งหมดให้กับพัลพาทีน แม้สภาจะดูยังมีเสถียรภาพอยู่ก็ตาม แต่ที่จริงแล้วพัลพาทีนได้ควบคุมวุฒิสมาชิกนับพันภายใต้การฉ้อฉลของตัวเอง นอกจากนั้นยังก้าวก่ายในสภาเจไดทำให้เหล่าบรรดาเจไดไม่พอใจอีกด้วย อย่างไรก็ดี อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ได้สืบรู้ว่าพัลพาทีนคือซิธลอร์ด และแจ้งอาจารย์เจไดเมซ วินดูถึงการค้นพบนี้ จนนำไปสู่การเข้าจับกุมพัลพาทีน หลังจากการประลองอันรวดเร็ว ดูเหมือนว่าพัลพาทีนจะเป็นฝ่ายเสียท่า แต่อนาคินก็ช่วยเหลือพัลพาทีนจนสังหารวินดูเป็นผลสำเร็จและเข้าร่วมเป็นศิษย์ของพัลพาทีนแทนดูกูที่ถูกสังหารไปก่อนหน้านี้ โดยได้รับสมญาว่าดาร์ธ เวเดอร์ พัลพาทีนออกคำสั่งให้ดำเนินการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ ซึ่งสังหารเจไดไปนับพัน และให้เวเดอร์สังหารนุต กันเรย์ และผู้นำกลุ่มแบ่งแยกฯ คนอื่นๆ ซึ่งนำไปสู่จุดจบของสงครามโคลน พัลพาทีนอาศัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจัดฉากว่านิกายเจไดวางแผนกบฏและลอบสังหารเขา จึงสถาปนาจักรวรรดิกาแลกติกและให้ตนเป็นจักรพรรดิ โดยอ้างว่าเพื่อรับรองความสงบสุขของกาแลกซีในปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน

ประชาชนจำนวนมากในจักรวรรดิใหม่นี้ชื่นชมและเห็นดีเห็นงามต่อหลักการของการสร้างอำนาจใหม่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นแผ่กว้างในกาแลกซีจากสงครามโคลน วุฒิสมาชิกจำนวนมากยินยอมพร้อมใจสนับสนุนอำนาจใหม่ในขณะที่ยังมีจำนวนหนึ่งที่กังขาและจับตาดูการใช้อำนาจของจักรวรรดิอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพัลพาทีนได้วางแผนทั้งหมดมาอย่างรัดกุม การเปลี่ยนแปลงการปกครองนี้จึงดำเนินไปอย่างราบรื่น

เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่ใช่ว่าวุฒิสมาชิกทั้งหมดจะชื่นชมยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น อันที่จริงแล้วมีการล่ารายชื่อถึง 2000 รายชื่อ เสนอให้พัลพาทีนหยุดการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จหลังสงครามยุติ และแสดงความกังวลต่อการแต่งตั้งตำแหน่งมอฟฟ์ เพราะเห็นว่าจะทำให้สภาสูญเสียอำนาจ การล่ารายชื่อนี้นำโดยวุฒิสมาชิกเบล ออร์กานา, มอน มอธมา และแพดเม่ อมิดาลา แต่ภายหลังจากการสถาปนาจักรวรรดิ วุฒิสมาชิกจำนวนมากได้ถอนชื่อของตนออกจากการล่ารายชื่อนี้ ทำให้เหตุการณ์นี้ไม่ตกอยู่ในความสนใจของพัลพาทีน และพัลพาทีนยังประกาศกร้าวว่า รายชื่อเหล่านี้เป็นรายชื่อของผู้คิดกบฏ อย่างไรก็ดีจากเหตุการณ์นี้ก็เป็นชนวนให้ออร์กานาและมอธมาเริ่มคิดก่อตั้งพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐขึ้น

การทำจักรวรรดิ

ข้าได้นำสันติ อิสรภาพ ความยุติธรรม และความมั่นคงมาสู่จักรวรรดิใหม่ของข้า!— ดาร์ธ เวเดอร์

เมื่อจักรวรรดิถือกำเนิดขึ้น องค์กรสำคัญต่างๆ ของสาธารณรัฐเก่าพบว่าพวกเขาอาจถูกรื้อถอนหรือเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงชื่อทุกสิ่งให้กลายเป็นของจักรวรรดิเพื่อสรรเสริญจักรพรรดิคนใหม่ ผ่านไปเพียงหนึ่งคืนเขตคอรัสซังก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเขตจักรวรรดิ คอรัสซังเองก็ถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็นศูนย์บัญชาการของจักรวรรดิ และกาแลกติกซิตี้ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอิมพีเรียลซิตี้หรือเมืองของจักรวรรดิ วุฒิสภากาแลกติกได้กลายมาเป็นวุฒิสภาจักรวรรดิ กองทัพแห่งสาธารณรัฐกลายเป็นกองทัพบกของจักรวรรดิ และกองทัพเรือของสาธารณรัฐก็กลายเป็นกองทัพเรือของจักรวรรดิ หน่วยข่าวกรองที่อ่อนแอของสาธารณรัฐถูกยุบรวมเข้าเป็นหน่วยข่าวกรองของจักรวรรดิโดยมีอาร์มานด์ ไอซาร์ดเป็นหัวหน้า ราชวังของสาธารณรัฐถูกสร้างขึ้นใหม่และขยายใหญ่จนกลายเป็นพระราชวังจักรวรรดิ บดบังสิ่งก่อสร้างอื่นๆ บนคอรัสซัง คณะกรรมการเพื่อความปลอดภัยของสาธารณรัฐได้เปลี่ยนมาเป็นคณะกรรมการรักษาระเบียบใหม่ ภายในไม่กี่วัน มีเพียงไม่กี่ชื่อเท่านั้นที่ทำให้ผู้คนระลึกได้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสาธารณรัฐมาก่อน

ในช่วงปีแรกของจักรวรรดิ กาแลกซี่ได้เห็นการเสริมกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ สภาของมอฟฟ์ถูกสร้างขึ้นเพื่อเพื่มประสิทธิภาพในการปกครองส่วนท้องถิ่นของจักรวรรดิ การสนับสนุนนโยบายการการจัดการของพัลพาทีนพุ่งขึ้นสูง

ช่วงเวลาอันมืดมน

เราต้องรีบ พวกเจไดไม่ยอมหยุด หากพวกมันทั้งหมดไม่ถูกทำลาย จะเกิดสงครามกลางเมืองที่ไม่สิ้นสุด— พัลพาทีนพูดถึงเจได

เมื่อเกิดกระบวนการดังกล่าว พัลพาทีนได้สั่งการกวาดล้างศัตรูของเขา ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐเก่า ผู้ซึ่งไม่ยอมอยู่ข้างเขา การกวาดล้างของพัลพาทีนต่อกองทัพเรือของสาธารณรัฐเกิดขึ้นเพียงสองอาทิตย์หลังจากที่จักรวรรดิเกิดขึ้น

จักรพรรดิเล็งเห็นว่าชาวคามาสิเป็นภัยต่อระเบียบใหม่ เขาจึงสั่งให้ทำการกวาดล้างดาวของพวกเขาที่ชื่อคามาส กลุ่มของชาวโบธานได้เข้าก่อวินาศกรรมเครื่องกำเนิดเกราะของคามาส ทำให้ดาวนั้นไร้การปกป้องจากการระดมยิงของจักรวรรดิ ดาวที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามถูกทำลาย ทำให้มันกลายเป็นพื้นที่รกร้างที่เป็นพิษ ชาวคามาสิที่รักสงบกระจัดกระจายไปทั่วกาแลกซี่ ในปีที่ 18 ก่อนยุทธการยาวิน จักรพรรดิได้สร้างมหาอาวุธขนาดใหญ่ที่เรีกยว่าดวงตาของพัลพาทีนเพื่อใช้มันทำลายที่หลบภยของเจไดบนเบลซาวิส อย่างไรก็ดี อาวุธที่แสนร้ายกาจนี้ถูกวินาศกรรมโดยอัศวินเจไดสองคนและทำให้เจไดบนเบลซาวิสสามารถหลบหนีไปได้

ในขณะเดียวกัน มีการประท้วงต่อความเป็นทรราชของจักรวรรดิกาแลกติกบนดาวกอร์แมนในเขตเซิร์น ยานธงของวิลฮัฟฟ์ ทาร์กินถูกปิดกั้นโดยผู้ประท้วงที่รักสงบ ผู้ซึ่งยืนอยู่บนแท่นจอดยานและปฏิเสธที่จะหลีกทางให้ ด้วยการอนุญาตจากพัลพาทีน ทาร์กินลงจอดทับใส่เหล่าผู้ประท้วงทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่าการสังหารหมู่บนกอร์แมน พันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐจึงเกิดขึ้น

เจไดมากมายยังต่อต้านการปกครองของพัลพาทีน โอลี สตาร์สโตนและกลุ่มของเจไดที่รอดจากคำสั่งที่ 66พร้อมกับโรอัน ชรีนได้พยายามที่จะเริ่มสภาเจไดแต่ก็ไม่สำเร็จ กลุ่มหลบหนีไปที่คาชีคเพื่อหาเจไดที่รอดชีวิต แต่จักรวรรดิก็เปิดฉากการโจมตีเข้ายึดดาว ดาร์ธ เวเดอร์สังหารโรอัน ชรีนและเจไดที่เหลือ ชาววูคกี้ชื่อชิวแบคก้าได้หนีออกจากเมืองเพื่อหาครอบครัวของเขา ขณะนั้นเอง เฟอร์รัส โอลินพร้อมกับอาจารย์เจไดโซเลซได้สร้างความหายนะบนดาวของจักรวรรดิ รวมทั้งก่อกบฏบนดาวเบลลาสซา ทั้งสองบุกเข้าไปในวิหารเจไดที่ถูกทำลายบนคอรัสซัง และทำลายกองกำลังรักษาการและศูนย์ยุทธภัณฑ์ของจักรวรรดิบนนาบู ที่เคสเซล กลุ่มของเจไดที่มีอาจารย์ซุย ชอยและอัศวินเจไดบัลทาร์ สวอนได้วางแผนหลอกล่อดาร์ธ เวเดอร์เพื่อสังหารเขา เนื่องมาจากยุทธวิธีและแผนที่แย่ พวกเขาทั้งหมดจึงถูกสังหาร อย่างไรก็ตาม ชุดของเวเดอร์ก็ได้รับความเสียหาย

1 ปีก่อนยุทธการยาวิน จักพรรดและเวเดอร์ตกเป็นเป้าหมายในการพยายามปฏิวัติของนายทหารที่ทรยศที่นำโดยแกรนด์มอฟฟ์ทราชตา ทราชตาเห็นว่าซิธนั้นโง่เขลาและล้าสมัย และเชื่อว่าจักรวรรดิไม่สมควรถูกปกครองโดยคนทั้งสอง พวกเขาวางแผนที่จะเปลี่ยนให้สตอร์มทรูปเปอร์หันมาเชื่อฟังแต่พวกเขาและสังหารซิธลอร์ดทั้งสอง อย่างไรก็ตาม พวกเขาล้มเหลวเนื่องมาจากการแตกคอกันเอง

การต่อต้านการปกครองของจักรวรรดิ

ฟังนะ ผมไม่อยากมีส่วนในเรื่องนี้ ผมมีงานต้องทำ ไม่ใช่ว่าผมชอบจักรวรรดิหรอกนะ ผมเกลียดมัน! แต่ผมยังทำอะไรไม่ได้ตอนนี้ มันห่างไกลจากที่นี่มาก— ลุค สกายวอล์คเกอร์พูดกับโอบีวัน เคโนบี

หลังจากที่จักรวรรดิได้เผยธาตุแท้ออกมา วุฒิสมาชิกที่ทรงอิทธิพลที่สุดทั้งสามคน ได้แก่ เบล ออร์กานาแห่งอัลเดอราน การ์ม เบล อิบลิสแห่งคอเรลเลีย และมอน มอธมาแห่งชานดริลาได้นัดประชุมลับและลงนามในสนธิสัญญาคอเรลเลียน สิ่งนี้ได้สร้างพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐขึ้นมา หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าพันธมิตรกบฏ อย่างไรก็ตาม การลงนามของฝ่ายกบฏนั้นทำให้พัลพาทีนทำการอนุมัติหลักการของทาร์กินโดยเป็นการปกครองด้วยความกลัว ไม่นานนักก่อนยุทธการยาวิน พัลพาทีนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและยุบวุฒิสภาทิ้ง ด้วยเหตุนี้ทำให้องค์กรที่เคยเป็นตัวแทนของคุณค่าและความเหมาะสมของสาธารณรัฐจึงถูกกำจัดจนสิ้นซาก

หัวใจหลักในการปกครองด้วยความกลัวนี้ก็คือดาวมรณะดวงที่ 1 ซึ่งเป็นสถานีอวกาศขนาดเท่ากับดวงจันทร์ที่มีอำนาจการยิงที่ทรงพลังเสียจนสามารถทำลายดาวเคราะห์ได้ทั้งดวงด้วยการยิงเพียงครั้งเดียว ในทางตรงกันข้ามนั้นดาวเคราะห์มากมายก็มีเกราะหักเหที่สามารถป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ได้ แต่ก็ไม่มีดวงใดที่สามารถปกป้องตัวเองจากดาวมรณะ อาวุธนี้ถูกทำลายในยุทธการยาวิน ซึ่งได้สร้างชัยชนะครั้งใหญ่ครั้งแรกในอวกาศให้กับพันธมิตรกบฏ

พันธมิตรกบฏเป็นกองทัพแบบกองโจรที่อุทิศตนให้กับการเอาชนะจักรวรรดิและฟื้นฟูสาธารณรัฐกาแลกติกขึ้นมาอีกครั้ง เป้าหมายนี้ถูกบรรลุเมื่อพัลพาทีนและดาร์ธ เวเดอร์เสียชีวิตลงพร้อมกับการทำลายดาวมรณะดวงที่สองในยุทธการเอนดอร์ แต่ทว่าแม้จักรวรรดิจะล่มสลายไปแล้ว แต่กองทัพที่จักรวรรดิได้สร้างเอาไว้จำนวนมากมายมหาศาลยังคงอยู่และแตกแยกกระจายกันไปทั่วกาแลคซี่ ดังนั้นสงครามกลางเมืองยังไม่สิ้นสุดลง กองทัพฝ่ายจักรวรรดิได้ทำสงครามต่อไปกับสาธารณรัฐใหม่ที่เหล่าพันธมิตรกบฏได้ทำการฟื้นฟูขึ้น ต่อมากองทัพจักรวรรดิได้พบกับความพ่ายแพ้ที่ดาวจัคคูในปีที่ 5 หลังยุทธการยาวิน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ได้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพขึ้นเป็นอันสิ้นสุดลงของสงครามกลางเมือง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีกองทัพฝ่ายจักรพรรดิที่เหลือต่างไม่ยอมรับและต้องการทำสงครามรบกับสาธารณรัฐใหม่ต่อไป หากแต่ไม่ได้มีการโจมตีใดๆเกิดขึ้นเลยจนถูกเรียกว่า สงครามเย็น จนกระทั่งต่อมาในปีที่ 34 หลังยุทธการยาวิน ปฐมภาคีได้ถูกก่อตั้งขึ้นและได้ทำการรวบรวมกองทัพจักรวรรดิเก่าเอาไว้ในหนึ่งเดียวและประกาศทำสงครามกับสาธารณรัฐใหม่และกลุ่มฝ่ายต่อต้าน(Resistance)ซึ่งเป็นกลุ่มกองกำลังอดีตพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐในช่วงสงครามกลางเมือง

ใกล้เคียง

จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิญี่ปุ่น จักรวรรดิบริติช จักรวรรดิออตโตมัน จักรวรรดิมองโกล จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิโรมัน จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล: เฟสสอง จักรวรรดิรัสเซีย