ประวัติศาสตร์ ของ จักรวรรดิเกาหลี

การสถาปนาจักรวรรดิ

ราชอาณาจักรโชซ็อนตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีนและญี่ปุ่น ซึ่งกำลังพัฒนาประเทศให้ทันสมัยตามแบบชาวตะวันตก ขณะที่เกาหลียึดมั่นในความสันโดษอย่างแข็งกร้าว ในปี พ.ศ. 2437 (ค.ศ. 1894) เป็นปีแห่งความวุ่นวายของเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นการยึดอำนาจปีคัปชิน ทำให้ฝ่ายหัวก้าวหน้ามีอำนาจ หรือกบฏทงฮัก ซึ่งทั้งจีน (ตามคำขอของพระมเหสีมินจายอง) และญี่ปุ่นต่างส่งทัพมาปราบ และทำสงครามกัน ผลลงเอยด้วยญี่ปุ่นได้ชัยชนะเกิดสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ ซึ่งจักรวรรดิชิงรับรองว่าโชซ็อนเป็นประเทศเอกราชตามสนธิสัญญาดังกล่าว

แต่จักรวรรดิรัสเซียเห็นว่าการขยายอำนาจในตะวันออกไกลของญี่ปุ่นจะเป็นภัย ด้วยความช่วยเหลือของเยอรมนีและฝรั่งเศส การบังคับยึดเอาพอร์ตอาเธอร์ในคาบสมุทรเหลียวตงมาจากจีนกลายเป็นภัยโดยตรงต่อญี่ปุ่น พระมเหสีมินจายองทรงเป็นผู้นำในการต่อต้านอิทธิพลของญี่ปุ่นในโชซ็อน จึงทรงถูกทหารญี่ปุ่นลอบสังหารในปี พ.ศ. 2438 (ค.ศ. 1895) ทำให้พระเจ้าโกจงทรงหลบหนีไปสถานกงสุลรัสเซีย ญี่ปุ่นเข้าควบคุมการปกครองโชซ็อน ทำการปรับปรุงประเทศต่างๆ ยกเลิกประเพณีเก่าแก่ เช่น ยกเลิกการใช้นามปีนับศักราชแบบจีน และให้ใช้ปฏิทินเกรกอเรียนแทน รวมทั้งการตัดจุกของผู้ชาย ซึ่งขัดกับหลักขงจื้อที่ห้ามตัดผมตลอดชีวิต ทำให้ประชาชนเล็งเห็นถึงภัยจากต่างชาติที่กำลังคุกคามโชซ็อน อย่างหนัก จึงรวมตัวกันเป็นสมาคมเอกราช รบเร้าให้พระเจ้าโกจงทรงกลับมาต่อต้านอิทธิพลของญี่ปุ่น

ในปี พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1897) พระเจ้าโกจงทรงกลับมาประทับที่พระราชวังต๊อกซูกุง ประกาศเปลี่ยนให้อาณาจักรโชซ็อนเป็นจักรวรรดิเกาหลี และพระองค์เองทรงเลื่อนสถานะเป็นสมเด็จจักรพรรดิควางมู (광무제; 光武帝) (รวมทั้งเลื่อนสถานะพระมเหสีมินจายองเป็นสมเด็จจักรพรรดินีเมียงซอง) ทรงเลือกใช้คำว่า"ฮัน"มาเป็นชื่อประเทศจากอาณาจักรสามฮันในสมัยโบราณ

การแทรกแซงของรัสเซีย

ดูบทความหลักที่: สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น

หลังจากที่จีนสิ้นอำนาจไปแล้วจักรวรรดิรัสเซียก็เริ่มที่จะมีอิทธิพลในตะวันออกไกลแทน รัสเซียสร้างทางรถไฟในแมนจูเรียจากฮาร์บินผ่านมุกเดนมาถึงพอร์ตอาเธอร์ แต่กบฏนักมวยได้เผาทางรถไฟของรัสเซียในแมนจูเรียในพ.ศ. 2442 (ค.ศ. 1899)ทำให้รัสเซียยกทัพเข้ายึดครองแมนจูเรีย อ้างว่าเพื่อปกป้องทางรถไฟของตน และบรรลุข้อตกลงกับญี่ปุ่น ว่ารัสเซียจะไม่ยุ่งกับโชซ็อน และญี่ปุ่นจะไม่ยุ่งกับแมนจูเรีย แต่ทั้งสองประเทศต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายจ้องจะยึดครองอาณานิคมของอีกฝ่ายอยู่

จนญี่ปุ่นทำข้อตกลงพันธมิตรกับอังกฤษในพ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) ทำให้รัสเซียไม่อาจดึงชาติตะวันตกอื่นๆมาร่วมได้ เพราะจะต้องเป็นปฏิปักษ์กับอังกฤษ ขณะเดียวกันรัสเซียก็เริ่มเคลื่อนไหวที่ริมฝั่งแม่น้ำยาลูฝั่งแมนจูเรีย ในพ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ทูตญี่ปุ่นที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้พยายามเจรจาอีกครั้ง แต่ไม่ประสบผล ในพ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นจึงเริ่มขึ้น โดยรบกันที่พอร์ตอาเธอร์และแม่น้ำยาลูเป็นส่วนใหญ่ ญี่ปุ่นนำกองทัพเคลื่อนผ่านโชซ็อนไปมาโดยที่ขุนนางโชซ็อนไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะแม้พระเจ้าโกจงทรงอุตสาหะเลื่อนสถานะของประเทศเป็นจักรวรรดิ แต่ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของญี่ปุ่นอยู่ดี

การเข้ายึดครองของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นยึดพอร์ตอาเธอร์ได้ในที่สุดในพ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) การชนะสงครามกับรัสเซียในครั้งนี้ ทำให้ญี่ปุ่นเป็นเจ้าแห่งเอเชียบูรพา และสามารถขอการสนับสนุนจากชาติตะวันตกในการยึดครองโชซ็อนได้ เช่น สหรัฐอเมริกายินยอมให้ญี่ปุ่นแผ่อิทธิพลสู่เกาหลีในข้อตกลงทาฟต์-คะสึระ จนบังคับโชซ็อนลงนามใน สนธิสัญญาอึลซา ให้โชซ็อนตกเป็นรัฐในอารักขาของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยมีเพียงรัฐมนตรีโชซ็อนบางคนเท่านั้นที่ลงนามยอมรับ แต่ตัวจักรพรรดิควางมูเองมิได้ทรงลงนามด้วย แต่อย่างไรก็ตาม โชซ็อนก็ได้หมดสภาพในการติดต่อสัมพันธ์กับต่างประเทศ และการค้ากับต่างประเทศผ่านท่าเรือทุกแห่งญี่ปุ่นจะเข้าควบคุมดูแล รวมทั้งเข้ายึดครองระบบขนส่งและสื่อสารทั้งหมดของประเทศ

แต่จักรพรรดิควางมูก็ยังไม่ทรงหมดความหวัง โดยแอบส่งทูตไปยังการประชุมอนุสัญญากรุงเฮกในปีพ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากการกระทำของญี่ปุ่นในสภาโลก แต่บรรดามหาอำนาจทั้งหลายไม่ยอมรับโชซ็อนเป็นรัฐเอกราช และไม่ยอมให้ผู้แทนโชซ็อนเข้าร่วมการประชุม เมื่อญี่ปุ่นทราบเหตุการณ์จึงกล่าวโทษโชซ็อนว่าละเมิดข้อสัญญาในสนธิสัญญาอึลซา จึงบังคับให้โชซ็อนทำสนธิสัญญาญี่ปุ่น-เกาหลีฉบับที่ 3 ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) และให้จักรพรรดิควางมูสละบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิยุงฮึย ชาวญี่ปุ่นได้เข้าเป็นผู้บริหารประเทศ จักรพรรดิควางมูสิ้นพระชนม์ในปีเดียวกัน

จนในพ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) การลงนามในสนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น-เกาหลี ทำให้ญี่ปุ่นเข้ายึดครองโชซ็อนอย่างสมบูรณ์ ในสนธิสัญญามีตราตั้งพระราชลัญจกร และมีพระนามของจักรพรรดิยุงฮีที่ลงนามโดยลีวานยง นายกรัฐมนตรีแทน ดังนั้นตลอดเวลาและหลังการยึดครองของญี่ปุ่น จึงมีคำถามโดยเฉพาะกับชาวเกาหลีว่าสนธิสัญญาฉบับนี้มีความถูกต้องมากเพียงใด ซึ่งแน่นอนว่าชาวเกาหลีในปัจจุบันจะต้องไม่ยอมรับสัญญาฉบับนี้ และประกาศให้สัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะในพ.ศ. 2548 แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เกาหลีก็ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นไป 30 กว่าปี จนกระทั่งญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เกาหลีจึงถูกแบ่งเป็นเหนือและใต้

ใกล้เคียง

จักรวรรดิออตโตมัน จักรวรรดิญี่ปุ่น จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิบริติช จักรวรรดิมองโกล จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิโรมัน จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิรัสเซีย