ในวรรณกรรม ของ จางอี้หฺวังไท่โฮ่ว

ในสมัยราชวงศ์ยฺเหวียน (元朝) มีการนำเรื่องราวข้างต้นไปแต่งเป็นบทละครประเภทจ๋าจฺวี้ (雜劇) ชื่อ จินฉุ่ยเฉียวเฉินหลินเป้าจฺวังเหอ (金水橋陳琳抱妝盒; เฉิน หลิน ถือกล่องข้ามสะพานนทีทอง") ความว่า

นางหลี่ประสูติพระโอรส พระนางหลิวริษยา จึงให้ขันทีกัว หฺวาย (郭槐) สั่งนางกำนัลโค่ว จู (寇珠) เอาซากแมวป่าถลกหนังมาสับเปลี่ยนพระโอรส แล้วนำพระโอรสไปฆ่าหมกสะพานนทีทอง (金水橋) แต่โค่ว จู จงรักภักดี ไม่กล้าฆ่าพระโอรส

ขณะนั้น จักรพรรดิซ่งเจินจงรับสั่งให้ขันทีเฉิน หลิน (陳琳) นำผลไม้ไปมอบเป็นของขวัญวันเกิดแก่อ๋องแปด พระอนุชา เฉิน หลิน เดินถือกล่องผลไม้มาพบโค่ว จู เข้าและทราบเรื่องทั้งปวง จึงช่วยกันเอาผลไม้ออก เอาพระโอรสใส่กล่อง แล้วเฉิน หลิน นำออกไปมอบให้อ๋องแปดเลี้ยงดู

เวลานั้น นางหลี่ต้องพระราชอาญาขังไว้ในตำหนักเย็น เพราะจักรพรรดิซ่งเจินจงเชื่อว่า นางคลอดปิศาจแมวป่า ส่วนพระนางหลิวก็ให้กำเนิดพระโอรสในเวลาถัดมา จึงได้เลื่อนขึ้นเป็นมเหสี แต่เพราะบาปกรรมของพระนาง พระโอรสนั้นจึงอายุสั้น จักรพรรดิซ่งเจินจงก็ไร้พระโอรสอีก อ๋องแปดจึงส่งพระโอรสที่ตนอภิบาลไว้เข้ามาเป็นรัชทายาทเพื่อมิให้ขาดสายพระโลหิต รัชทายาทนั้นต่อมาได้เสวยราชย์เป็นจักรพรรดิซ่งเหรินจง

ครั้งนั้น พระนางหลิวทูลยุยงให้จักรพรรดิซ่งเจินจงประหารนางหลี่เสีย ก็โปรดให้ตามนั้น แต่ชาวตำหนักเย็นมีใจเมตตาแก่นางหลี่ ขันทีอฺวี๋ จง (余忠) เสนอตัวเข้าตายแทน ทั้งได้ความช่วยเหลือของขันทีฉิน เฟิง (秦风) นางหลี่จึงหลบหนีจากพระราชวังออกมาสู่โลกภายนอก แต่ก็ต้องตกระกำลำบาก ทั้งคิดถึงลูกกันแสงไม่เว้นวันจนดวงตามืดบอด

กว่า 20 ปีให้หลัง ข้าหลวงเปา เจิ่ง (包拯) รับพระราชโองการไปตรวจสอบการแจกจ่ายเสบียงของผัง อฺวี้ (龐昱) และกลับเมืองหลวงผ่านตำบลนั้น นางหลี่จึงเข้าร้องทุกข์ นำไปสู่การสืบสวนสอบสวนและตัดสินลงโทษในคดีแมวป่าสับเปลี่ยนพระโอรส นางหลี่จึงได้คืนฐานะเดิม ทั้งได้การยอมรับจากจักรพรรดิซ่งเหรินจงผู้เป็นลูก ที่สุดก็ได้เลื่อนฐานะขึ้นเป็นพระราชชนนีพันปีหลวง

ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง ต่อมาได้รับการดัดแปลงเพิ่มเติมหลายครั้ง ครั้งที่มีชื่อเสียงที่สุดปรากฏในวรรณกรรมสมัยราชวงศ์หมิง (明朝) เรื่อง เปาเล่งถูกงอั้น (包龍圖公案) และวรรณกรรมสมัยราชวงศ์ชิง (清朝) เรื่อง เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม (七俠五義) ตลอดจนมีการทำเป็นสื่อสมัยใหม่ทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายครั้ง