การอนุรักษ์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ของ จิตรกรรมแผง

แผ่นไม้โดยเฉพาะถ้าเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นต่ำเป็นเวลานานจะโก่งและแตก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็มีวิธีการอนุรักษ์ที่เป็นที่น่าเชื่อถือหลายวิธี และบางครั้งก็จะย้ายภาพไปไว้บนผ้าใบ หรือรองรับด้วยแผ่นวัสดุสมัยใหม่

แผ่นไม้ในปัจจุบันมีประโยชน์ต่อนักประวัติศาสตร์ศิลปะมากกว่าวัสดุชนิดอื่น และราวสองสามทศศตวรรษที่ผ่านมาแผ่นไม้ก็สามารถบอกข้อมูลได้หลายอย่าง ทำให้เราพบว่าบางภาพมิใช่ของแท้ หรืออายุของภาพไม่ตรงกับช่วงปีสันนิษฐานกันมาก่อน นักวิชาการสามารถบอกได้ว่าเป็นพันธุ์ไม้ชนิดใด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าภาพนั้นวาดที่ไหน โดยใช้การวัดอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี ซึ่งผลที่ออกมาจะครอบคลุมช่วงระยะเวลาประมาณ บวกลบ 20 ปีจากอายุจริง หรือใช้การวัดอายุจากวงปีของต้นไม้ (dendrochronology) ภาพเขียนอิตาลีมักจะใช้ไม้ท้องถิ่น หรือบางทีก็ใช้ไม้จากบริเวณโครเอเชีย ส่วนใหญ่จะเป็นไม้พอพพลา แต่บางที่ก็ใช้เกาลัด, วอลนัท, โอ๊ค หรืออื่น ๆ เนเธอร์แลนด์ไม่ค่อยมีไม้ที่เหมาะสมในท้องถิ่นมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 งานเขียนสำคัญ ๆ สมัยเนเธอร์แลนด์ตอนต้นจะเป็นไม้โอ๊คบอลติค โดยเฉพาะจากประเทศโปแลนด์เหนือเมืองวอร์ซอ และนำล่องแม่น้ำข้ามทะเลบอลติคมายังเนเธอร์แลนด์[1] ทางด้านใต้ของประเทศเยอรมนีจิตรกรมักจะใช้ไม้สน และมาฮ็อกกานีนำเข้า

การวัดอายุจากวงปีของต้นไม้จะบอกได้ว่า ไม้ถูกโค่นเมื่อไหร่ แต่ก็ต้องบวกเวลาการทิ้งไม้ไว้ให้แห้งได้ที่ ซึ่งก็เป็นเวลาหลายปี หรือแผ่นไม้อาจจะมาจากกลางลำต้นทำให้ขาดวงปีวงนอก ๆ ออกไป ฉะนั้นการวัดอายุวิธีนี้จึงเป็นเพียงการบอกได้แค่ "เวลาที่เก่าที่สุดเท่าที่จะบอกได้" (terminus post quem) เป็นการประมาณเวลา ซึ่งอาจจะแตกต่างจากเวลาจริงไปถึงยี่สิบปีหรือมากกว่านั้น

ใกล้เคียง

จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลี จิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรมยุคทองของเนเธอร์แลนด์ จิตรกรรมบารอกแบบเฟลมิช จิตรกรรม จิตรกรรมไทยประเพณี จิตรกรรมแผง จิตรกรรมไทย จิตรกรรมเนเธอร์แลนด์เริ่มแรก จิตรกรรมสีน้ำมัน