ปัจจุบัน ของ จี-ช็อค

G-Shock G2900, one of the basic modelsG-Shock MR-G MRG-7100BJ-1AJF

ได้มีการพิจารณาการขยายสายการผลิตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและปัจจุบัน ซึ่งได้รวมการเชื่อมกับนาฬิกาอะตอม และระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ไว้ในรุ่นล่าสุด นาฬิกา จี-ช็อค ชุด Cockpit ได้ถูกกำหนดให้เป็นนาฬิกาจับเวลาในสนามแข่งนิสโม อย่างเป็นทางการ นาฬิกา จี-ช็อค รุ่นใหม่หลายรุ่นมีสายเป็นโลหะ (เหล็ก หรือ ไทเทเนียม) และ เข็มนาฬิกาที่ถูกออกแบบอย่างหรูหราทุกๆสองปี (รุ่นสำหรับ ฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน และ รุ่นสำหรับ ฤดูฝน/ฤดูหนาว) จะมีการวางจำหน่ายรุ่นทั่วไป ส่วนรุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัดจะมีการวางจำหน่ายบ่อยครั้งตลอดปี เหมือนกับนาฬิกา Swatch จี-ช็อค กลายเป็นของสะสมสำหรับหลายคน ซึ่งรุ่นที่ผุ้คนหากันมากที่สุดหลังจากที่มีการผลิดคือรุ่น Frogman รุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัดเช่น Brazilian Men in Yellow สฟแ Helios และ Black Spots ก็เป็นรุ่นที่มีความต้องการสูง

Casio ยังร่วมกันผลิตนาฬิการุ่นต่าง โดยร่วมกับผู้นำสินค้าแฟชั่นที่เป็นที่นิยมเช่น A Bathing Ape (Bape) Stussy [3]Xlarge, KIKS TYO Nano Universe, Levi's Lifted Research Group รวมถึง Coca Cola Pulp68 Skateshop Lucky Strike และ Marlboro.จี-ช็อค เป็นที่นิยมในหมู่นักปีนเขา นักดับเพลิง หน่วยกู้ชีพ ตำรวจ นักบินอวกาศ ผู้กำกับภาพยนตร์ (Tony Scott ได้ถูกถ่ายภาพขณะส่วนนาฬิกา จี-ช็อค รุ่น GW-3000B เช่นเดียวกับรอน ฮาวเวิร์ด และ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา) และ ทหารอดีตหน่วยรบพิเศษ Andy McNab ได้พูดถึงลักษณะของตัวละครในนวนิยายชื่อ Nick Stone มีความเชื่อมั่นในนาฬิกา จี-ช็อค อย่างไร และตามที่ระบุในหนังสือ Blackhawk Down ของ Mark Bowden ว่า ทหารพลร่ม สวมนาฬิกา จี-ช็อค ระหว่างการสู้รบ ในช่วง 3 และ 4 ตุลาคม 1993 ซึ่งหลังจากนั้นนาฬิกา จี-ช็อค เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มหน่วยรบพิเศษ ทั้งทหารอเมริกัน และ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ กองกำลัง NATO อันเนื่องมาจากการทดสอบจริงจากสมรภูมิสงคราม

รุ่น DW-5600C DW-5600E DW-5900 DW-6600 DW-6900 เป็นที่มีคุณสมบัติในการเดินทางท่องอวกาศกับนาซา

ในปี 2012 Casio ได้จำหน่ายรุ่น GB-6900 ซึ่ง จี-ช็อค ที่รวมฺฟังก์ชันการใช้งานบลูทูธ ซึ่ง Casio อ้างว่าแบตเตอรี่ CR2032 เพียงหนึ่งก้อนมีอายุการใช้งานถึงสองปี[4]