จ่าเฉย เป็นชื่อเรียก
หุ่นตำรวจจราจรใน
กรุงเทพมหานคร ราชอาณาจักรไทยที่มาของจ่าเฉยนั้น ใน
พ.ศ. 2550 โรงพยาบาลวิภาวดีซึ่งเห็นถึงความลำบากตรากตรำของ
ตำรวจจราจร มีความประสงค์แบ่งเบาภารกิจ ได้ร่วมกับภาคเอกชนต่าง ๆ ลงขันกันจัดสร้างหุ่นจำลองตำรวจจราจรขึ้น เพื่อมอบให้
กองบัญชาการตำรวจนครบาลนำไปประจำไว้ยังจุดต่าง ๆ ตามถนนหนทางในเขตอำนาจของตำรวจนครบาล สำหรับป้องปรามผู้ขับขี่รถไม่ให้กระทำผิด และเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยการจัดสร้างจ่าเฉยหนึ่งตัวเป็นราคาสองหมื่น
บาทเศษ
[1]รูปลักษณ์ของจ่าเฉย มีทั้งที่จัดสร้างขึ้นเพียงครึ่งตัว และเต็มตัวเท่าคนจริง แบบเต็มตัวนั้นมีความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบ
เซนติเมตร ทุกตัวเป็นชายหนุ่มสวมเครื่องแบบตำรวจจราจร โดยมีทั้งที่อยู่ในท่าวันทยหัตถ์อย่างตำรวจ มีใบหน้ายิ้มแย้ม และท่ายืนตรง มีใบหน้าเคร่งขรึม
[2]หลังจากปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงสองปี เมื่อวันที่
17 ธันวาคม พ.ศ. 2552 พลตำรวจโท
สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลคนใหม่ แถลงข่าวว่า จากการประชุมกองตำรวจนครบาลเมื่อวันที่
15 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ณ ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจนครบาล 5 ได้สั่งการให้สถานีตำรวจนครบาลทุกแห่งเก็บจ่าเฉยคืนจากจุดที่ตั้งไว้ มิให้ตั้งอีกต่อไป ภายในวันที่
20 ธันวาคม ปีเดียวกัน โดยให้เหตุผลว่า"...มีประชาชนเขียนจดหมายมาว่า เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปฏิบัติหน้าที่ และชอบแอบอยู่หลังเสาไฟฟ้า เพราะมีหุ่นตำรวจยืนอยู่แล้ว ซึ่งเห็นว่าไม่เหมาะสม จึงสั่งการให้นำหุ่นที่มีรูปตำรวจออกให้หมด และอีกอย่างหลังจากมีหุ่นตำรวจมาพักใหญ่ ทำให้ประชาชนเริ่มคุ้นเคยและทำผิดกฎจราจรบ่อย ๆ ทั้งเป็นที่ขบขันกับผู้ที่พบเห็น ซึ่งการจัดเก็บนั้นทราบว่าดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่ยืนปฏิบัติหน้าที่แทน ส่วนป้อมตามแยกนั้นให้ลอกฟิล์มดำออกให้หมดเช่นกัน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มักจะแอบหลับและกินเหล้ากันเป็นประจำ
[3]...คงจะไม่ใช่การปลดฟ้าผ่า คงจะเป็นการเอาไปเก็บไว้ชั่วคราวไว้ก่อน จากการที่มีคนเขียนจดหมายเข้ามาว่า จ่าเฉยยืนอยู่ จ่าจริงไม่มา ใหม่ ๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่า หุ่นยืนอยู่ คนผ่านไปมาอาจจะตกใจ แต่หลังจากนาน ๆ เข้า คนเริ่มคุ้นว่าจ่าเฉยยืนอยู่ จ่าจริงก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่
[4]"การเรียกเก็บจ่าเฉยในครั้งนี้ถือเป็นการปลดระวางจ่าเฉย ซึ่งมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่น ใน
ชุมชนออนไลน์พันทิป มีการตั้งกระทู้พูดคุยเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและไว้อาลัยให้แก่การถูกปลดของจ่าเฉย
[5] และมีผู้เขียนบทความในเว็บบล็อกโอเคเนชั่น ความตอนหนึ่งว่า "งานนี้ 'จ่าเฉย' เลยต้องตกเป็น 'แพะ' ไปโดยปริยาย เพราะตำรวจจริง ๆ ไม่ยอมทำงาน มัวแต่นั่งตากแอร์ อยู่ในตู้ยาม 'จ่าเฉย' ไม่มีแม้แต่จะแก้ตัวอธิบายให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แม้ถูกหามเข้ากรุก็ยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม"
[6]