เมนูนำทาง
ซันโดร_บอตตีเชลลี ประวัติประวัติชีวิตของบอตติเชลลีเบื้องต้นไม่เป็นที่รู้จักกันเท่าใดนักเพียงแต่ทราบว่ามิได้ฝึกเป็นช่างเขียนจนอายุราวสิบสี่ปีซึ่งชี้ให้เห็นว่าได้รับการศึกษามากกว่าช่างเขียนอื่นๆ ร่วมสมัย วาซารีกล่าวว่าบอตติเชลลีได้รับการฝึกเป็นช่างทองก่อนโดยอันโตนิโอ พี่ชาย[3] อาจจะราวปี ค.ศ. 1462 เมื่อไปฝึกการเขียนภาพกับฟิลลิปโป ลิปปี[4] งานชิ้นแรกๆ ของบอตติเชลลีกล่าวกันว่าเป็นงานของลิปปี แต่ก็ยังเป็นที่ไม่ตกลงกันว่าเป็นงานเขียนของผู้ใดแน่ แต่บอตติเชลลีศึกษาการเขียนรายละเอียดและความอ่อนหวานจากลิปปี งานเขียนของจิตรกรสำคัญอีกผู้หนึ่งที่มีอิทธิพลต่องานของบอตติเชลลีคืองานของมาซาชิโอ จากหลักฐานที่เพิ่งพบเมื่อไม่นานนี้ในช่วงเวลานี้บอตติเชลลีอาจจะเดินทางไปฮังการีเพื่อไปช่วยในการเขียนจิตรกรรมฝาผนังของเวิร์คช็อพของฟิลลิปโป ลิปปีที่เอสซ์เตอร์กอม (Esztergom) ที่ได้รับสัญญาจ้างจาก Vitéz János ผู้เป็นอัครบาทหลวงแห่งฮังการี
ภายในปี ค.ศ. 1470 บอตติเชลลีก็มีห้องเขียนภาพเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นงานเขียนสมัยต้นแต่ลักษณะการเขียนก็เป็นงานเขียนที่แสดงลักษณะที่พบในประติมากรรมแบบนูนต่ำมีเน้นการเขียนขอบคันและลดความตัดกันระหว่างแสงและเงา
งานชิ้นเอกสองชิ้น “ฤดูใบไม้ผลิ” (Primavera) ที่เขียนราวปี ค.ศ. 1478 และ “กำเนิดวีนัส” (The Birth of Venus) ที่เขียนราว ปี ค.ศ. 1485 เป็นงานที่วาซาริเห็นที่คฤหาสน์ของลอเรนโซ ดิ เปียร์ฟรานเชสโก เดอ เมดิชิที่เมืองคาสเตลโลราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และเป็นที่เชื่อกันมาจนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ว่าเป็นงานเขียนที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับคฤหาสน์ที่คาสเตลโล แต่ผู้เชี่ยวชาญเมื่อไม่นานมานี้เชื่อว่าภาพ “ฤดูใบไม้ผลิ” เขียนสำหรับคฤหาสน์ของเมดิชิในฟลอเรนซ์ และภาพ “กำเนิดวีนัส” เขียนสำหรับผู้จ้างคนอื่นสำหรับสถานที่อื่น แต่เมื่อราวปี ค.ศ. 1499 สองภาพนี้ก็ได้มาตั้งที่คฤหาสน์ที่คาสเตลโล[5]
งานสองชิ้นนี้มีอิทธิพลมาจากงานเขียนแบบสัจจะนิยมของกอธิคจากการศึกษางานเขียนโบราณของบอตติเชลลี แต่ถ้าจะให้เข้าใจภาพเขียนอย่างที่ภาพเขียนควรจะเป็นที่เข้าใจเนี้อความของภาพเขียนก็ยังกำกวมและทำให้ผู้ดูฉงนสนเท่ห์อยู่ ความซับซ้อนของความหมายทำให้ภาพยังได้รับการวิจัยศึกษาโดยผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเน้นความเข้าใจในทางปรัชญาของมานุษย์วิทยาและโคลงกลอนของศิลปินร่วมสมัยของบอตติเชลลี งานของบอตติเชลลีมิได้พยายามสื่อสารข้อความจากบทเขียนเรื่องเดียวแต่จากหัวข้อสำคัญของบทเขียนจากหลายแหล่ง สำหรับความงามของภาพเขียนวาซารีใช้คำว่า “grace”
ภาพ “การชื่นชมของแมไจ” ที่เขียนเมื่อปี ค.ศ. 1476 สำหรับวัดซานตามาเรียโนเวลลา (Santa Maria Novella) มีภาพเหมือนของโคสิโม เดอ เมดิชิ[6], จูเลียโน เดอ เมดิชิหลาน และ จิโอวานนิ เดอ เมดิชิลูก วาซาริสรรเสริญคุณภาพของภาพเขียนว่าเป็นจุดสุดยอดของบอตติเชลลี
ในปี ค.ศ. 1481]] สมเด็จพระสันตะปาปาซิกส์ตุสที่ 4 เรียกตัวบอตติเชลลีและช่างเขียนผู้มีชื่อเสียงชาวฟลอเรนซ์และอุมเบรียอื่นๆ ไปเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่ชาเปลซิสติน งานที่บอตติเชลลีเขียนมีความสำเร็จพอประมาณ หลังจากนั้นบอตติเชลลีก็กลับมาฟลอเรนซ์ และเขียนความเห็นแก่บางส่วนของงานของดานเตและเขียนภาพประกอบ “ไฟนรก” (Inferno) สำหรับมหากาพย์ “ไตรภูมิดานเต” ซึ่งบอตติเชลลีทุ่มเททั้งทางใจและทางกำลังทรัพย์จนทำให้ชีวิตออกจะไม่เข้าร่องเข้ารอยอยู่ระยะหนึ่ง
กลางคริสต์ทศศตวรรษ 1480 บอตติเชลลีเขียนจิตรกรรมฝาผนังชิ้นสำคัญร่วมกับเปียโตร เปรูจิโน, โดเมนนิโค เกอร์ลันเดา และ ฟิลลิปปินโน ลิปปี ให้กับลอเร็นโซ เดอ เมดิชิที่คฤหาสน์ใกล้เมืองโวลเทอร์รา นอกไปจากการเขียนจิตรกรรมฝาผนังสำหรับวัดหลายแห่งในฟลอเรนซ์
ในปี ค.ศ. 1491 บอตติเชลลีทำงานให้กับสมาคมที่อำนาจในการตัดสินการตกแต่งด้านหน้าของมหาวิหารฟลอเรนซ์ ในปี ค.ศ. 1502 บอตติเชลลีถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในการสมสู่วัจมรรคแต่ต่อมาศาลก็ยกเลิกข้อกล่าวหา ในปี ค.ศ. 1504 บอตติเชลลีได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการที่ที่อำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับที่ตั้งของประติมากรรมเดวิดโดยไมเคิลแอนเจโล งานเขียนสมัยต่อมา โดยเฉพาะงานเขียนในชุดประวัติของนักบุญเซโนเบียสแสดงการเปลื่ยนแปลงวิธีการเขียนรูป ตัวแบบจะออกไปทางบิดเบือนและการใช้สีที่ไม่เป็นธรรมชาติเช่นที่เห็นในงานเขียนของฟราอันเจลิโคเกือยร้อยปีก่อนหน้านั้น
เมนูนำทาง
ซันโดร_บอตตีเชลลี ประวัติใกล้เคียง
ซันโดร บอตตีเชลลี ซันโดร วากเนอร์ ซันโดรีนี ซันโดร โตนาลี ซันโดร รามิเรซ ซันโดร แปร์ตีนี ซันเด ซันโนเฮะ ซันโย ซันโทรี่ซันเบิดส์แหล่งที่มา
WikiPedia: ซันโดร_บอตตีเชลลี http://www.nndb.com/people/734/000084482/ http://www.owlstand.com/exhibition/room/690ca08a-f... http://www.wga.hu/html/b/botticel/index.html http://www.aiwaz.net/gallery/botticelli-sandro/gc1... http://www.all-art.org/early_renaissance/botticell...