เรื่องย่อ ของ ซากากิ

ตั้งแต่อะโอะอิตายไป เก็นจิไม่ไปพบอดีตพระชายาแห่งโระคุโจอีกเลย นางจึงตัดสินใจจะตามบุตรีไปอิเสะ ต้นเดือนกันยายน วันเดินทางออกจากเมืองหลวงของนางใกล้เข้ามา เก็นจิจึงไปหานางที่ศาลเจ้าชั่วคราวในซะงะโนะ ดอกไม้ในฤดูใบไม้ร่วงต่างโรยราสิ้น เสียงแมลงหรีดหริ่งระงม สายลมพัดผ่านทิวสนแสนเปล่าเปลี่ยว รั้วที่ลอมตัวศาลเจ้านั้นข่มให้ โทริอิไม้สีดำ ดูเด่นเป็นสง่า เก็นจิพยายามขอพบอดีตพระชายาแต่นางปฏิเสธ เข้าเกลี้ยกล่อมจนสามารถเข้าพบนางผ่านม่านมู่ลี่ไม้ไผ่บัง แล้วยื่นกิ่งซะคะกิลอดใต้ม่านส่งให้นาง พลางกล่าวว่า

ด้วยใจที่ยังไม่เปลี่ยนแปร เหมือนซะคะกิ ที่ไม่เคยเปลี่ยนสี นำเราข้ามผ่านเขตรั้วอันศักดิ์สิทธิ์มาหา แต่ท่านช่างใจร้ายไม่ยอมพบหน้าเรา

หลังจากนั้นทั้งสองพูดคุยปรับความเข้าใจกันตลอดทั้งคืน ความขมขื่นของอดีตพระชายาค่อยเบาบางจางลง

กลางเดือนกันยายน อดีตพระชายาแห่งโระคุโจติดตามบุตรีเดินทางสู่อิเสะ ชีวิตของอดีตพระชายานั้น เมื่อยามรุ่นสาว นางได้รับการคาดหมายว่า จะขึ้นเป็นจักรพรรดินี เพราะนางเป็นชายาเอกของเองค์รัชทายาทเมื่ออายุ 16 ทว่าเมื่ออายุ 20 ปี องค์รัชทายาทก็มาด่วนสิ้น และขณะนี้ ยามอายุได้ 30 จำต้องจากเมืองหลวงไปสู่ดินแดนอิเสะที่ห่างไกล ทุกนาทีช่างเปี่ยมไปด้วยความทรงจำ


เมื่อขบวนของนางเดินทางผ่านหน้าคฤหาสน์ของเก็นจิ เขาส่งโคลงกลอนเหน็บมากับกิ่งซะคะกิ แล้วเก็บตัวอยู่ลำพัง จมอยู่ในห้วงคำนึงอันแสนเศร้า

คิริสึโบะอินประชวรหนัก หลังจากฝากคำสั่งเสียกับพระโอรสน้อยแล้ว พระองค์ทรงเรียกเก็นจิเข้าเฝ้า ฝากให้เก็นจิดูแลปกป้องพระโอรสน้อยให้ดี พระองค์มอบวังที่ประทับให้เป็นสมบัติขององค์รัชทายาทน้อย จากนั้นพระองค์ก็สูสวรรคาลัยอย่างสงบในต้นเดือนพฤศจิกายน ยังความโศกเศร้าเสียใจใหญ่หลวงแก่ฟุจิตสึโบะและเก็นจิเหนือกว่าผู้ใด พระชายาทั้งหลายต่างมารวมกันที่ตำหนักที่ประทับ ประกอบพิธีทำบุญ 49 วัน

หลังการสิ้นพระชนม์ ฟุจิตสึโบะออกจากวังกลับไปอยู่ตำหนักเดิมของนางแถบซันโจ นางทำบุญ และฝักใฝ่ในศาสนาเพื่อหวังจะหลีกเลี่ยงจากความเสน่หาของเก็นจิ และระมัดระวังตัวที่จะไม่พบกับเขา แต่ทว่าเก็นจิก็หาหนทางพบนางตามลำพังจนได้ นางสงบไปด้วยความเจ็บปวด เก็นจิอยูที่นั่นจนรุ่งสาง โดยโอเมียวบุ และ เบ็น ซ่อนเขาไว้ในตู้เก็บเสื้อผ้า แลทั้งสองก็เฝ้าดูแลฟุจิตสึโบะ เฮียวบุเคียวโนะมิยะ พี่ชายของนางมาเยี่ยมอาการป่วยและส่งคนไปเรียกพระมาปัดรังควานเป็นการด่วน

เก็นจิทุกข์ใจจากการหลบหน้าของฟุจิตสึโบะ เขาไปวัดอุรินอิน ที่พี่ชายของมารดาบวชอยู่ หลเก็บตัวอยู่ในกุฏิของพระ 2-3วัน สนทนาธรรมกับพระหลายรูป สีสันของใบไม้ร่วงงดงามยิ่ง เขาตั้งใจศึกษาพระธรรม เมื่อเขากลับเข้าเมืองหลวง ผู้คนต่างๆ แม้สามัญชนต่างคอยเพื่อมาชมบารมี


ฟุจิตสึโบะทำบุญใหญ่ครบรอบวันสวรรคตของคิริสึโบะอินในเดือนพฤศจิกายน ทำพิธีสวดพำเบ็ญกุศลใหญ่ วันแรกอุทิศให้พระราชบิดา วันที่สองอุทิศให้พระราชมารดา วันที่สามอุทิศให้พระสวามีผู้ล่วงลับ ดฮียวบุเคียวโนะมิยะ และ เก็นจิถวายเครื่องบูขาสงฆ์ วันสุดท้าย ฟุจิตสึโบะประกาศว่า นางจะออกบวชเป็นชี อย่างกะทันหัน ท่ามกลางความตกตะลึงและเสียใจของทุกคน

อิทธพลของพระชนนีโคกิเด็งยิ่งกล้าแข็งขึ้นทุกวัน สะไดจินประท้วงด้วยการลาออกจากตำแหน่ง สถานภาพทั้งเก็นจิและโทโนะจูโจเริ่มสั่นคลอน พวกเขาจึงไม่ใคร่จะเข้าวัง ต่างพากันบรรเลงสังคีต แต่งโคลงกลอน วันหนึ่งในคิมหันตฤดูที่ฝนพร่างลงบางเบา โทโนะจูโจนำกรุกวีจีนออกมาให้เก็นจิอ่าน ทั้งคู่เชิญนักปราชญ์ราชบัณฑิตมาเล่นทายบทกวีกัน


โอะโบะโระซึกิโยะ ออกจากวังไปพักที่บ้านบิดานางเป็นครั้งคราว เก็นจิมักจะลอบพบและมีความสัมพันธ์กับนางอยู่เนืองๆ ในคืนพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าอย่างน่ากลัว อุไดจิน ไปหาโอะโบะโระซึกิโยะที่ห้องอย่างกะทันหันด้วยความเป็นห่วงบุตรี โอะโบะโระซึกิโยะรีบร้อนออกจากม่านกั้นมาพบบิดาด้วยความตื่นตระหนกสีหน้าแดงซ่าน อุไดจินฉงนใจเมื่อเห็นผ้าผูกเอวของผู้ชาย (เก็นจิ) พันอยู่กับชายผ้าของนาง จากนั้นเขาค้นจนเจอสาส์นรักที่เก็นจิเขียน อุไดจินโมโหมาก จึงไปร้องเรียนต่อบุตรีของเขา พระราชชนนีโคกิเด็ง จนเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่ว[5]