ขั้นตอนวิธี ของ ซาวเดกซ์ของเดตช์-โมโคทอฟฟ์

  1. รับอินพุทเข้ามาเป็นนามสกุล
  2. ไล่ดูแต่ละตัวอักษร และเพิ่มเอาต์พุต โดยดูรหัสจากตาราง โดยต้องไม่ลืมตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ ตามข้อกำหนดด้านบน
  3. ถ้ารหัสไม่ครบ 6 หลัก เติม 0 ให้ครบ ถ้ารหัสเกิน 6 หลัก เลือกที่สำคัญที่สุด 6 ตัว
  4. เมื่อดูครบแล้ว ส่งเอาต์พุตไปเป็นตัวเลข 6 หลัก

ข้อกำหนดเพิ่มเติม

  1. ซาวเดกซ์ของเดตช์และโมโคทอฟฟ์จะเป็นตัวเลข 6 ตัว ในขณะที่ซาวเดกซ์ดั้งเดิมมีความยาว 4 ตัวอักษร
  2. ในกรณีที่รหัสมีความยาวไม่ถึง 6 ตัว จะเติมเลข 0 เข้าไปให้ครบแทน
  3. สระ (A, E, I, O, U, Y) จะไม่ถูกเข้ารหัส เว้นเสียแต่กรณีที่สระนั้นทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้น หรือกรณีที่สระนั้นเป็นสระคู่ ที่อยู่ด้านหน้าของสระอีกตัว
  4. ตัวอักษร H จะถูกเข้ารหัสก็ต่อเมื่อทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้นเท่านั้น
  5. ถ้าตัวอักษรที่อยู่ติดกันนั้นสามารถออกเสียงรวมกันได้ (หรือที่เรียกว่า Larger Sound) ก็จะเข้ารหัสเป็นตัวเลขตัวเดียว (ตัวอักษรที่อยู่ติดกัน อาจไม่ได้ออกเสียงรวมเป็นพยางค์เดียวกันก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจะเข้ารหัสเป็นตัวเลข 2 ตัว)
  6. ถ้านามสกุลที่นำมาเข้ารหัสประกอบด้วยคำมากกว่า 2 คำ ให้รวมกันเป็นคำเดียวแล้วเข้ารหัสเลย

ตัวอย่างการใช้

  • เมื่อมีรหัสไม่ครบ 6 หลัก
GOLDEN : มีเสียงเพียง 4 เสียงที่ต้องเข้ารหัส นั่นคือ (G - L - D - N) ซึ่งแปลงเป็นรหัสได้เป็น 5836 แต่จะปรับให้ตัวเลขยาว 6 หลักเสีย เป็น 5 8 3 6 0 0
  • เมื่อตัวอักษรนั้นเป็นสระ แต่ถือเป็นกรณีพิเศษ

ALPERT : A เป็นสระก็จริง แต่ทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้น จึงเข้ารหัสได้เป็น 0 8 7 9 3 0BREUER : E และ U เป็นสระก็จริง แต่ในกรณีนี้เมื่อมีสระ 2 ตัว อยู่ด้านหน้าสระอีกตัวหนึ่ง แสดงว่าสระนั้นจะต้องมีการออกเสียง จึงเข้ารหัสได้เป็น 7 9 1 9 0 0

  • เมื่อเป็นตัวอักษร H

HABER :เป็นตัวอักษร H แต่ทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้น จึงเข้ารหัสได้เป็น 5 7 9 0 0 0MANHEIM : แม้จะเป็นตัวอักษร H และไม่ได้เป็นอักษรที่ขึ้นต้นคำ แต่ก็ออกเสียงเป็นพยัญชนะต้นของพยางค์หลัง จึงเข้ารหัสได้เป็น 665600

ใกล้เคียง

ซาวเดกซ์ของเดตช์-โมโคทอฟฟ์ ซาวเดกซ์ ซาวเออร์ (อัลบั้ม) ซาวด์แทร็กนัมเบอร์วัน ซาวาดะ สึนะโยชิ ซาวด์ครีม ซาวด์เวฟ (ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส) ซาวด์แทร็ก ซาวเออร์แคนดี (เพลงเลดีกากาและแบล็กพิงก์) ซาวด์การ์เดน