เรื่องย่อ

ในขณะที่รัฐบาลของฮิงาชิยามะกำลังผลักดันนโยบายสิ่งแวดล้อมสู่สายตานานาประเทศ จู่ ๆ นักธรณีฟิสิกส์คนหนึ่งก็กล่าวว่าภูมิภาคคันโตจะจมใต้บาดาลหากไม่ยกเลิกโครงการนโยบายสิ่งแวดล้อมของฮิงาชิยามะ ทำให้เกิดความวุ่นวายในหมู่ประชาชนและความไม่เชื่อใจกันในหมู่ข้าราชการกันเอง

ทฤษฎีภูมิภาคคันโตจมบาดาล

ทฤษฎีภูมิภาคคันโตจมบาดาล เป็นทฤษฎีสมคบคิดของดร.ทาโดโกโระ หลังเขาได้พบการไถลตัวอย่างช้าบนแผ่นธรณีสมุทรแปซิฟิกและฟิลิปปินส์ และแผ่นธรณีภาคอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะแผ่นธรณีภาคอเมริกาเหนือ มีเกาะฮอนชูและเกาะฮกไกโดอยู่เหนือแผ่นธรณี และด้วยสาเหตุจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และด้วยแรงดันน้ำที่เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้เกิดความเครียด (strain) ในแผ่นธรณีทั้งสามแผ่นบรรจบด้วยกัน ส่งผลให้เกิดการไถลตัวอย่างช้าของแผ่นเปลือกโลกใต้มหาสมุทรและเกิดรอยแยกเคลื่อนออกจากกัน และประกอบกับแผนโครงการแท่นขุดเจาะคอมส์ ช่องว่างที่เกิดขึ้นในชั้นหินดานหลังสกัดนำทรัพยากรพลังงานเป็นการกระตุ้นการไถลตัวอย่างช้า (slow slip) ของแผ่นเปลือกโลก[3]

โครงการแท่นขุดเจาะคอมส์

ด้วยการทำลายสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ นักธรณีฟิสิกซ์ศาสตราจารย์เซระได้คิดค้นวิธีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เขาจึงได้คิดค้นแท่นขุดเจาะคอมส์ (Celstec Origin Mining System, ระบบการทำเหมืองโดยใช้ต้นกำเนิดจากเซลส์เทค) ขึ้นมา โดยคอมส์จะสกัดและลำเลียงแหล่งพลังงานที่ชื่อว่า เซลส์เทค (Celstec)[lower-alpha 1] เป็นแหล่งพลังงานที่ไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ลึกลงไป 9 กิโลเมตรระหว่างช่องว่างในพื้นดินใต้ทะเล ซึ่งจะสามารถครอบคลุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศญี่ปุ่นในเป็นระยะเวลา 120 ปี โครงการนี้เป็นที่โต้เถียงกันในสภาอนาคตญี่ปุ่นว่าจะเป็นตัวกระตุ้นการไถลตัวอย่างช้าของแผ่นเปลือกโลกซึ่งนำไปสู่การจมของภูมิภาคคันโตตามทฤษฎีของดร.ทาโดโกโระ[3]