การทำงาน ของ ณเดชน์_คูกิมิยะ

เข้าสู่วงการ

ณเดชน์ในการถ่ายแบบนิตยสาร

เมื่อปี พ.ศ. 2551 ผู้จัดการนักแสดง ศุภชัย ศรีวิจิตร ได้ไปเยี่ยมบ้านของศุกลวัฒน์ คณารศ ที่ขอนแก่น และพบณเดชน์ซึ่งอาศัยในหมู่บ้านเดียวกันโดยบังเอิญ จึงร้องขอต่อสุดารัตน์ให้บุตรบุญธรรมเข้าร่วมเป็นนักแสดงในสังกัด ซึ่งเธอก็ยินยอม[21] โดยก่อนหน้านั้นศุภชัยได้รู้จักกับอาจารย์ของณเดชน์ รวมทั้งเคยเห็นภาพณเดชน์จากอินเทอร์เน็ตมาบ้าง[22] แต่เนื่องจากณเดชน์ยังมีอายุเพียง 15 ปี และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 เขาใช้เวลาฝึกบุคลิกภาพ ความสามารถต่าง ๆ ด้านการแสดงเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่จะพาเข้าสู่การทำงานในวงการ[23] ปัจจุบันณเดชน์มีบ้านของตัวเองที่กรุงเทพมหานครแล้ว

ในตอนแรกณเดชน์ไม่มีความคิดอยากที่จะเป็นนักแสดง เพราะเคยมีอคติส่วนตัวต่อวงการบันเทิงไม่ชอบดูละคร แต่ด้วยคำแนะนำของสุดารัตน์และศุภชัยจึงได้เข้าสู่วงการ[22]ดารานักแสดงทางฝั่งฮอลลีวูดที่ณเดชน์ชื่นชอบคือ นิโคล คิดแมน เพราะดวงตามีเสน่ห์ มองแล้วรู้สึกประทับใจ โดยให้เหตุผลว่า "ผมชอบเวลามองผู้หญิง แล้วเขามองกลับมาครับ เพราะตาของผู้หญิงแต่ละคนสามารถบอกได้ว่า เขาคิดยังไงกับเรา" แม้ณเดชน์มีภาพลักษณ์ที่สนุกสนานร่าเริง แต่เคยให้สัมภาษณ์ว่า บางครั้งมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ต้องการพบปะผู้คน และต้องปรับตัวในการเข้าสู่วงการบันเทิงมาก[12]

เมื่อเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดของศุภชัยแล้ว ณเดชน์จึงเริ่มงานด้านการเดินแบบเป็นครั้งแรกในงานการกุศลของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วจากนั้นก็เริ่มมีผลงานถ่ายแบบให้กับนิตยสารหลายฉบับ[2] โดยครั้งแรกที่ทำงานในวงการบันเทิง ณเดชน์ อายุ 17 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5[24] และผลงานแรกที่ปรากฏแพร่ภาพทางวิทยุโทรทัศน์คือภาพยนตร์โฆษณาหมากฝรั่ง ไทรเด้นท์ รีแคลเดนท์ คู่กับพัชราภา ไชยเชื้อ[25]

แสดงละคร

ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้มีการคัดเลือกนักแสดงขึ้น โดยณเดชน์ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ เพื่อร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ เงารักลวงใจ เป็นเรื่องแรก และในปี พ.ศ. 2553 ได้มีผลงานละครที่สร้างชื่อเสียงคือ ดวงใจอัคนี , เกมร้ายเกมรัก[26] ความนิยมจากการแสดงละครโทรทัศน์ส่งผลให้ณเดชน์ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำเสนอในภาพยนตร์โฆษณาสินค้าเพิ่มขึ้นมากมาย[27]จากผลงานโฆษณาที่มีอยู่เป็นจำนวนมากของณเดชน์ทำให้ โพสต์ทูเดย์ กล่าวว่า ณเดชน์คือ "แชมป์พรีเซ็นเตอร์"[28] รวมทั้งชื่อเสียงในการแสดงละครคู่กับอุรัสยา เสปอร์บันด์ ทำให้ได้นำเสนอภาพยนตร์โฆษณาต่าง ๆ ร่วมกันหลายเรื่อง[29]จนกระทั่งถูกเรียกให้เป็นพระนาง คู่ขวัญกัน[30]ทั้งสองคนถูกนำชื่อไปเป็นเรื่องราวสมมุติในงานจิตรกรรมฝาผนังร่วมสมัย เช่น ภาพพิธีมงคลสมรสที่วัดลำปางกลางตะวันออก แสดงวิถีการดำเนินชีวิตและขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนภาคเหนือ เพื่อบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษาสืบทอดกันต่อไป[31] ตามมาด้วยผลงานด้านอื่น ๆ เช่นการพากย์การ์ตูนแอนิเมชันสำหรับเยาวชน เรื่อง "ซุปเปอร์ฮีโร่ หล่อช่วยได้" หนึ่งในตัวละครหลักร่วมกับปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และปริญ สุภารัตน์ ออกอากาศทางช่อง 3[32] ไปจนถึงการร่วมกิจกรรมทางสังคม ต่าง ๆ เช่น คณะทูตของโครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม 2554 โดยสภากาชาดไทย[33] เป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์เชิญชวนชายไทยคัดเลือกทหารของกองทัพบกไทย ประจำปี 2555[34] ในปี 2554-2555 ได้รับเลือกจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้เป็นทูตพระพุทธศาสนาวิสาขบูชานานาชาติ เป็นต้น ซึ่งผลงานหลากหลายประเภทที่ทำไว้ในข้างต้นเป็นจำนวนมาก บางกอกโพสต์จึงเรียกณเดชน์ว่า "Mr Everywhere" โดยเหตุผลของหนังสือพิมพ์มาจากการที่ประชาชนสามารถพบเห็นณเดชน์ตามแหล่งสื่อต่าง ๆ ต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา[35]

ในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555 รายการ เช้าดูวู้ดดี้ ออกอากาศทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ได้มีการถ่ายทอดเทปบันทึกเรื่องราวของ ด.ญ.พรสุภาดา คำกำพุทธ มีชื่อเล่นว่า มอมแมม ที่อาการดีขึ้นอย่างเป็นปรากฏการณ์คล้ายปาฏิหาริย์ หลังจากการดูละคร เกมร้ายเกมรัก และชื่นชอบตัวละคร สายชล พระเอกของเรื่องรับบทโดยณเดชน์[36] เป็นแรงบันดาลใจทำให้ปฏิกิริยาของร่างกายฟื้นจากอาการป่วยเร็วขึ้นทุกครั้งก่อนได้รับการผ่าตัด[37] โดยบิดาของเด็กหญิงได้กล่าวไว้ในข้างต้นว่า "ในช่วงเขาป่วยเข้าโรงพยาบาลก็จะไปดูแลเขาตลอด ต้องเขาผ่าตัดมา 3 ครั้งแล้ว ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ก็ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลย เกือบเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 2 ครั้งที่แล้ว แต่ก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งทุกครั้งก็จะทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะอาการหนักมากจริง ๆ แต่ครั้งล่าสุดเขาบอกว่าเขาจะกลับมาหาสายชล ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร มารู้ที่หลังว่าเขาชอบดูละครเรื่องนี้ และชอบสายชลมาก คุณหมอบอกว่าอาการดีขึ้นทุกครั้งที่ได้ดูสายชล"[36] โดยมอมแมมเป็นเด็กหญิงวัย 7 ขวบ มีหัวใจเพียงแค่ 2 ห้อง และไม่มีเส้นเลือดไปเลี้ยงที่ปอด ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปได้ หลังจากที่ณเดชน์ทราบเรื่องจึงเดินทางมาพบเด็กหญิงเพื่อมาให้กำลังใจพบปะพูดคุยกับเด็กหญิง เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี [38] บริจาคเงินให้ครอบครัวของเด็กหญิงอีก 50,000 บาท วันรุ่งขึ้นเป็นพาดหัวข่าวใหญ่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และรายการโทรทัศน์บันเทิงหลายช่อง จนวันที่ 22 มกราคม เด็กหญิงสามารถออกจากโรงพยาบาล และกลับมาเรียนหนังสือได้อย่างเป็นปกติ[39]

การจัดงานวันแม่แห่งชาติปี 2555 ณเดชน์ได้รางวัลลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีอย่างสูงต่อแม่ จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์[40] มีจำนวนทั้งสิ้น 85 คน จาก 330 คน ซึ่งณเดชน์เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลประเภท นักร้อง นักแสดง ศิลปิน[41] โดยเข้ารับพระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร[42] ในปีต่อมาณเดชน์ได้รับประกาศเกียรติคุณเป็นทูตพระพุทธศาสนาวิสาขบูชานานาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2556 และการประกาศเกียรติคุณรางวัลครอบครัวชาวพุทธมามกะ จากทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย[43]

เมื่อปี พ.ศ. 2555 มีผลงานแสดงละครเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง แสดงร่วมกับอุรัสยา เสปอร์บันด์อีกหน การแสดงของทั้งคู่กรุงเทพธุรกิจวิจารณ์ไว้ว่า "ได้เผยถึงความหลากอารมณ์ มีหลายอย่างปน ๆ กันอยู่ แล้วปล่อยออกมาแบบกระตุ้นการรับรู้" (sensory stimulus) [44] นอกจากงานแสดงแล้ว ณเดชน์ยังได้มีส่วนร่วมกำกับภาพยนตร์กับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเชียงคาน ซึ่งเป็นผลงานการกำกับครั้งแรก[45] และปีเดียวกันนี้ ณเดชน์ได้มีงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตคือ คู่กรรม รับบทเป็น โกโบริ ทหารญี่ปุ่น ซึ่งณเดชน์ได้เข้าเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเพื่อการพูดภาษาไทยให้มีสำเนียงเหมือนชาวญี่ปุ่น[46] แสดงร่วมกับอรเณศ ดีคาบาเลส นักแสดงหน้าใหม่[47] กำกับภาพยนตร์โดยกิตติกร เลียวศิริกุล ผลิตโดยเอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ ทางด้านผู้จัดจันทิมา เลียวศิริกุล กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกณเดชน์ เพราะโกโบริคือณเดชน์ ว่า "เพราะเขาคือคนที่เหมาะที่สุด เราไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเป็นคนอื่น และถ้าไม่ได้น้องเขาจริง ๆ โปรเจกต์นี้ก็คงต้องเก็บไว้ก่อน"[48]

ในปี พ.ศ. 2556 ณเดชน์ได้รับเลือกให้แสดงในละครเรื่อง รอยฝันตะวันเดือด จากละครซีรีส์ชุด The Rising Sun รับบทเป็นคนญี่ปุ่นชื่อ ริว แสดงคู่กับคู่ขวัญ อุรัสยา เสปอร์บันด์ ออกอากาศในปี พ.ศ. 2557 และยังได้ร้องเพลงประกอบละครร่วมกัน ในเพลง "แล้วเราจะได้รักกันไหม" ซึ่งเพลง "แล้วเราจะได้รักกันไหม" ติดอันดับสูงสุดที่ 1 จากการจัดอันดับของซี้ดเอฟเอ็มในชาร์ตของ ซี้ดเอฟเอ็ม ชาร์ตท็อป 20 ประจำวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557 โดยวัดจากการออกอากาศของคลื่นวิทยุในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนาน 40 สถานี[49] และละครซีรีส์ชุดนี้ยังได้รับรางวัล สเปเชียล อวอร์ด จากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากซีรีส์ชุดนี้ได้ถ่ายทอดสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างสวยงาม [50] จนมีนักท่องเที่ยวเดินทางตามรอยสถานที่ต่าง ๆ [51]

ในปี พ.ศ. 2557 แสดงละครเรื่อง ลมซ่อนรัก การพบกันครั้งแรกกับ แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ จะออกอากาศในปี พ.ศ. 2558 และยังได้รับบทฝาแฝดเรื่องแรกของณเดชน์อีกด้วย [52] และปลายปีเดียวกันณเดชน์มีละครเรื่อง ตามรักคืนใจ แสดงนำร่วมกับ มิว นิษฐา จิรยั่งยืน [53]

ในปี พ.ศ. 2560 เข้าร่วมทีมนักแสดงหลักของ เล่ห์ลับสลับร่าง (ละครโทรทัศน์) ที่เธอเล่น รามิล ทุ่งพระเพลิง กับนักแสดงหญิง อุรัสยา เสปอร์บันด์ และในปี พ.ศ. 2561 เขาเข้าร่วมทีมนักแสดงหลักของซีรีส์ ลิขิตรัก The Crown Princess รับบทเป็นนาวาตรีดวิน สมุทรยากร ดวิน สมาชิกฝีมือดีและแข็งแรงของกองทัพเรือไทย ซึ่งจะถูกส่งไปปกป้องพระมหากษัตริย์เจ้าหญิงดำเนินการโดยนักแสดง อุรัสยา เสปอร์บันด์

ในปี พ.ศ. 2561 ณเดชน์ได้แสดงภาพยนตร์ นาคี ๒ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของช่อง 3 ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จทางรายได้ ทำรายได้ไป 441.2 ล้านบาทเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในรอบปี ในปี พ.ศ. 2562 จะเข้าร่วมทีมนักแสดงหลักของฉบับภาษาไทยของซีรีส์ ลิขิตรักข้ามดวงดาว รับบทเป็นอชิระ

แหล่งที่มา

WikiPedia: ณเดชน์_คูกิมิยะ http://122.155.210.40/news/45610/read/ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/642638 http://www.bangkokhealth.com/index.php/health/heal... http://www.bangkokpost.com/lifestyle/film/343647/m... http://ost.becteroradio.com/gallery/5877/%E0%B8%94... http://thaiwinadmin.blogspot.com/2013/12/top-10-pe... http://www.chiangkhanfilmfestival.com/movie/14 http://www.daradaily.com/news/28492/%E0%B8%A2%E0%B... http://www.daradaily.com/news/30396/read/