การใช้งาน ของ ดอกจัน

การเขียนข้อความ

  • ดอกจันใช้สำหรับกำกับข้อความที่มีการอธิบายไว้ในเชิงอรรถ โดยเฉพาะเมื่อมีเชิงอรรถเพียงอันเดียวในหน้านั้น อย่างไรก็ตาม ดอกจันสามารถใช้กำกับซ้ำหลายตัวเพื่อบ่งบอกเชิงอรรถที่ต่างกัน (เช่น *, **, ***)
  • ดอกจันสามตัว (หรือมากกว่า) ที่วางเรียงอยู่กลางหน้ากระดาษ สามารถใช้แทนเส้นกั้นตามแนวนอนระหว่างส่วนของเนื้อหายาวๆ ได้ ซึ่งจะเป็นจุดสังเกตได้ดีกว่าเส้นตรงธรรมดา
  • ดอกจันสามารถใช้ปิดบังส่วนหนึ่งของคำ เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สุภาพของคำเต็ม (s**t) หรือเพื่อไม่ประสงค์จะออกนามเต็ม (Peter J***) หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ชื่อนั้นเสื่อมเสีย (G*d)
  • ดอกจันสามารถใช้เป็นสัญลักษณ์นำหัวข้อ (bullet) สำหรับรายการต่างๆ
  • ดอกจันใช้แทน *การเน้น* ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ตัวเอนแทนได้
  • ดอกจันสามารถใช้เป็นตัวแทนของการจัดระดับภาพยนตร์ ภัตตาคาร ฯลฯ แทนเครื่องหมายดาว

ภาษาศาสตร์

ภาษาศาสตร์เชิงประวัติ

ในภาษาศาสตร์เชิงประวัติ ดอกจันใช้วางไว้หน้าคำหนึ่งๆ เพื่อแสดงว่าคำนั้นอาจไม่ถูกต้องโดยตรง แต่ถูกสร้างขึ้นใหม่จากพื้นฐานทางภาษาศาสตร์อื่นๆ ตัวอย่างเช่น คำว่า anilif ในภาษา Proto-Germanic เป็นรูปแบบหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นใหม่

  • *ainlif → endleofan → eleven

ภาษาศาสตร์เชิงรังสรรค์

ในภาษาศาสตร์เชิงรังสรรค์ (generative linguistics) ดอกจันมักใช้วางไว้หน้าคำหรือวลี เพื่อแสดงว่าคำหรือวลีนั้นไม่ถูกหลักไวยากรณ์

  • I'm not / *I amn't

ดอกจันที่กำกับหน้าวงเล็บหมายถึง คำหรือวลีที่จำเป็นต้องเติมเพื่อให้ถูกหลักไวยากรณ์ ส่วนดอกจันภายในวงเล็บหมายถึง คำหรือวลีนั้นเมื่อเติมแล้วจะผิดหลักไวยากรณ์

  • go *(to) the station
  • go (*to) home

คอมพิวเตอร์

วิทยาการคอมพิวเตอร์

ในวิทยาการคอมพิวเตอร์ ดอกจันถูกใช้ในนิพจน์ปรกติเพื่อแทนการซ้ำของอักษรหรือแพตเทิร์นจำนวน 0 ครั้งหรือมากกว่า การใช้ดอกจันในลักษณะนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คลีนสตาร์ (Kleene star) หรือ คลีนโคลเชอร์ (Kleene closure) ซึ่งตั้งไว้เพื่อเป็นเกียรติให้กับ สตีเฟน โคล คลีน (Stephen Cole Kleene) นักคณิตศาสตร์ผู้ริเริ่มวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์

ในยูเอ็มแอล ดอกจันใช้แทนจำนวนการซ้ำของคลาสจำนวน 0 คลาสหรือมากกว่า

ส่วนต่อประสานคอมพิวเตอร์

ฐในส่วนต่อประสานรายคำสั่ง (command-line interface) บางชนิด เช่นเชลล์ยูนิกซ์หรือ Command Prompt ของไมโครซอฟท์ ดอกจันถูกใช้เป็นอักขระตัวแทน (wildcard character) หมายถึงสายอักขระใดๆ การใช้งานดอกจันเป็นอักขระตัวแทนปกติใช้สำหรับการค้นหาแฟ้มในคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้ต้องการหาแฟ้มที่มีชื่อว่า Document 1 การค้นหาด้วยคำสำคัญ Doc* และ D*ment* จะสามารถหาแฟ้มนั้นเจอได้ เป็นต้น

ในส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้บางชนิด โดยเฉพาะกับโปรแกรมประยุกต์บนไมโครซอฟท์ ดอกจันใช้นำหน้าชื่อเอกสารที่เรากำลังทำงานอยู่ซึ่งจะปรากฏบนแถบหัวเรื่องของหน้าต่าง เพื่อใช้แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงเอกสารนั้นยังไม่ได้ถูกบัน

ในระบบแฟ้มของคอมโมโดร์ (Commodore) และระบบอื่นที่เกี่ยวข้อง ดอกจันที่แสดงถัดจากชื่อแฟ้มในไดเรกทอรี หมายถึงแฟ้มที่ถูกปิดหลังจากการใช้งานอย่างไม่สมบูรณ์ มักจะเรียกกันว่า splat file

สำหรับแบบฟอร์มบนเว็บเพจ เป็นที่ทราบกันดีว่าเครื่องหมายดอกจันใช้แสดงถึงช่องข้อมูลที่จำเป็นต้องกรอก

เครื่องคิดเลขหรือเครื่องบวกเลข (adding machine) บางชนิดใช้ปุ่มเครื่องหมายดอกจันแทน ผลลัพธ์ หรือใช้สำหรับยุติการบวกหรือลบตามลำดับจำนวน

ภาษาโปรแกรม

ในภาษาโปรแกรมหลายชนิดรวมทั้งในเครื่องคิดเลข ใช้เครื่องหมายดอกจันเป็นสัญลักษณ์แทนการคูณ แต่เครื่องหมายนี้ก็ยังมีความหมายพิเศษในบางภาษา ตัวอย่างเช่น

  • ภาษาในตระกูลภาษาซี ดอกจันใช้นำหน้าชื่อตัวแปรเพื่อประกาศว่าเป็นตัวแปรพอยเตอร์ สำหรับอ่านหรือบันทึกค่าในตำแหน่งหน่วยความจำที่ชี้อยู่
  • ภาษาคอมมอนลิสป์ (Common Lisp) ดอกจันใช้ประกอบหน้าและหลังตัวแปรส่วนกลาง (global variable) เช่นอย่างนี้ *SAMPLE*
  • ในภาษาฟอร์แทรนและภาษาตระกูลภาษาปาสกาลบางสาขา การใช้ดอกจันสองตัวติดกันหมายถึงการยกกำลัง เช่น 5**3 = 5*5*5 = 125
  • ใช้ดอกจันสำหรับการอ้างถึง typeglob ของตัวแปรทั้งหมดด้วยชื่อที่กำหนดให้
  • ภาษารูบีและภาษาไพทอน ดอกจันมีการใช้เฉพาะทางสองอย่าง อย่างแรกใช้กำกับรายการในการเรียกใช้ฟังก์ชัน ซึ่งจะช่วยขยายรายการภายในออกมาเป็นอาร์กิวเมนต์ของฟังก์ชัน อย่างที่สอง พารามิเตอร์ที่ขึ้นต้นด้วยดอกจันในการประกาศฟังก์ชัน ส่งผลให้พารามิเตอร์สามารถส่งค่าเข้ามาได้โดยผ่านทางรายการลำดับ (tuple ในไพทอน) หรือแถวลำดับ (array ในรูบี)
  • ดอกจันในภาษาเอพีแอล ใช้แทนฟังก์ชันเลขชี้กำลัง หรือฟังก์ชันการยกกำลัง
บทความเกี่ยวกับภาษานี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ภาษา