ความหลากหลาย ของ ดอกไม้ทัด

ประเทศไทย

ชุดนักแสดงสวมชฎา จอนหู ทัดดอกไม้ และห้อยอุบะ

ในประเทศไทย มีการกล่าวถึงดอกไม้ทัด มาตั้งแต่ยุคอาณาจักรสุโขทัย ดังปรากฏใน ไตรภูมิพระร่วง อันเป็นเอกสารทางศาสนาไว้ ความว่า "...อันว่าฝูงผู้ชายอันอยู่ในแผ่นดินอุดรกุรุนั้นโสด รูปโฉมโนมพรรณเขานั้นงามดั่งบ่าวหนุ่มน้อยอันได้ยี่สิบปี มิรู้แก่มิรู้เถ้า เขาหนุ่มอยู่ดั่งนั้นชั่วตนทุก ๆ คนแล [...] แลแต่งแต่ตัว เขาทากระแจะแลจวงจันทน์น้ำมันอันดี แลมีดอกไม้หอมต่าง ๆ กัน เอามาทัดมาทรงเหล้น แล้วก็เที่ยวไปเหล้นตามสบาย..."[2]

ช่วงปลายอาณาจักรอยุธยา ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช การที่หญิงนำดอกไม้มาทัดหู ถือเป็นกิริยาไม่งาม เพราะจะตกเป็นที่ครหาว่าเป็นหญิงนครโสเภณี แม้ว่าทัดแล้วจะสวยงาม หรือทัดภายในเหย้าในเรือนของตัวเองก็ตาม[3] ในวรรณคดีไทยช่วงอยุธยาจนถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มักมีการกล่าวถึงตัวละครชายนำดอกไม้ทัดหูแล้วออกไปเกี้ยวจีบสาว[2] ใน กฎหมายตราสามดวง มีการใช้ดอกชบาทัดหูของผู้หญิงทั้งสองข้าง ถือเป็นการประจานหญิงชั่วที่คบชู้สู่ชาย[4] "...หญิงใดที่กระทำการมีชู้จะต้องโดนโทษทัณฑ์ด้วยการให้โกนศีรษะหญิงนั้นเป็นตะแลงแกง ทัดดอกชบาสองหู ขึ้นขาหย่างประจาน 3 วัน ในบางกรณีก็จะร้อยดอกชบาเป็นพวงมาลัยสวมคอหญิงชายที่ทำชู้นั้นด้วย..."[11] และมีบทลงโทษสำหรับชายหนุ่มที่ไปเที่ยวหญิงนครโสเภณี โดยมีบทลงโทษของหญิงนั้นไว้ว่า "...ส่วนหญิงอันร้ายให้เอาเฉลวปะหน้า ทัดดอกฉะบาทั้งสองหูร้อยดอกฉะบาแดงเป็นมาไลยใส่ศีศะใส่คอแล้วให้เอาหญิงนั้นเข้าเทียมแอกข้างหนึ่ง..."[6][12]

แม้จะมีนัยที่หลากหลาย แต่การทัดดอกไม้ยังปรากฏอยู่ในเครื่องแต่งกายของชุดการแสดงนาฏกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะโขน ซึ่งยังคงตกทอดการแต่งกายโบราณมาจนถึงปัจจุบัน[13] หรือการแสดงร่วมสมัยอย่างเพลงเต้นกำรำเคียว[14] เป็นต้น

ส่วนในท้องที่อื่น ๆ ของไทย ยังปรากฏการทัดดอกไม้อยู่ทั่วไป ดังในบันทึกของนายแพทย์ พอล นีส (Paul Neis) กล่าวถึงหญิงชาวเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2427 ไว้ว่า "...ผู้หญิงทุกคนทัดดอกไม้ที่หูและเสียบไว้ที่มุ่นมวยผม"[15] หญิงชาวอูรักลาโว้ยไว้ผมมวยและทัดดอกไม้ตามธรรมเนียม[16] ส่วนชาวมานิ หรืออาจเป็นที่รู้จักในนามเงาะป่า มีการทัดดอกไม้เพื่อความสวยงาม แต่มักเกิดภาพจำจากวรรณคดีไทย คือ สังข์ทอง และ เงาะป่า ทำให้คนภายนอกเข้าใจว่าพวกเขาชอบดอกไม้สีแดง ซึ่งไม่เสมอไป[17] และธรรมเนียมการอุปสมบทของชาวมอญสมุทรสาครและบางกระดี่ นาคจะแต่งกายคล้ายผู้หญิง มีการห่มสไบ ทัดดอกไม้ สวมต่างหู สร้อย กำไล แต่งหน้าทาปากให้สวยงาม[5]

ต่างประเทศ

หญิงชาวโบรกปาแต่งศีรษะด้วยดอกไม้

ในประเทศพม่า การทัดดอกไม้หรือการแซมดอกไม้ในมวยผมถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมพม่า สตรีวัยกลางคนเป็นต้นไปมักทัดดอกไม้เมื่อเกล้าผมมวย โดยมากจะใช้ดอกกุหลาบ และดอกมะลิ[18] แต่จะไม่ทัดด้วยดอกชบาโดยเด็ดขาด เพราะมีไว้ทัดหูคนตายเท่านั้น ในช่วงที่อองซานซูจีถูกกักตัวที่บ้านพักหลังถูกรัฐประหาร มีชาวพม่าจำนวนหนึ่งทัดดอกไม้ที่หู อันเป็นแสดงออกเชิงสัญลักษณ์สำหรับอวยพรวันเกิดแก่นาง[19] ตามธรรมเนียมการบวชนาคก่อนเข้าบรรพชาของชาวมอญ นาคจะแต่งกายคล้ายเจ้าชาย ได้แก่ สวมชฎา ทัดดอกไม้ ห่มผ้าแพร แต่งหน้าให้งาม สวมต่างหู สวมกำไลมือเท้า และนุ่งลอยชาย[5]

ในรัฐฮาวาย สหรัฐ สตรีพื้นเมืองมีธรรมเนียมการทัดดอกไม้ กล่าวคือ หญิงใดทัดดอกไม้ไว้ที่หูด้านซ้ายแสดงว่าสมรสแล้ว ตรงกันข้ามหากทัดดอกไม้ไว้ที่หูด้านขวาแสดงว่ายังโสด[20]

ในประเทศกัมพูชา ในชุดการแสดงนาฏกรรม ผู้แสดงจะมีการทัดดอกไม้และอุบะเช่นเดียวกับละครของไทย หากแต่ของฝ่ายกัมพูชาจะทัดดอกไม้และอุบะไว้คนละข้างซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับละครวังหน้าของกรุงสยามในอดีต ในขณะที่ฝ่ายไทยในปัจจุบัน โดยมากจะทัดดอกไม้และทัดอุบะไว้ข้างเดียวกันตามอย่างวังหลวง[21]

ในประเทศจีน มีการทัดดอกไม้มายาวนานทั้งผู้ชายและผู้หญิง ผู้ชายทัดดอกไม้แสดงว่าเป็นขุนนางตัวโปรดของฮ่องเต้ ส่วนผู้หญิงมีไว้เพื่อความสวยงามส่วนบุคคล และเป็นชุดสำหรับการแสดงอุปรากรจีน

ในประเทศอินเดีย ชาวโบรกปาซึ่งเป็นชุมชนดาร์ดกลุ่มหนึ่งที่นับถือศาสนาพุทธแบบทิเบตในลาดัก ชายและหญิงโบรกปามักตกแต่งเครื่องสวมศีรษะด้วยดอกไม้ บ้างก็ทัดดอกไม้เพื่อความสวยงาม[22]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ดอกไม้ทัด http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/mu... http://legacy.orst.go.th/?knowledges=%E0%B8%97%E0%... http://legacy.orst.go.th/?knowledges=%E0%B8%97%E0%... https://readthecloud.co/sarran-youkongdee/ https://www.gqthailand.com/culture/article/history... https://www.longtunman.com/25071 https://www.matichonweekly.com/column/article_5040... https://www.posttoday.com/international-news/66471... https://www.silpa-mag.com/culture/article_13143 https://www.silpa-mag.com/history/article_11593