สัญลักษณ์เพื่อการแปลงดิจิทัล ของ ดิจิทัล

เนื่องจากสัญลักษณ์ (เช่นตัวอักษรและตัวเลข) จะไม่ต่อเนื่อง การแทนความหมายสัญญลักษณ์แบบดิจิทัลค่อนข้างง่ายกว่าการแปลงข้อมูลต่อเนื่องหรือแบบอะนาล็อกให้เป็นดิจิทัล แทนที่จะ สุ่มตัวอย่างและการเทียบออกมาเป็นปริมาณ(อังกฤษ: quantization) เหมือนในการแปลง แอนะล็อกมาเป็นดิจิทัล เทคนิคเช่นการ polling และการเข้ารหัสถูกนำมาใช้

อุปกรณ์ป้อนสัญลักษณ์มักจะประกอบด้วยกลุ่มของสวิทช์ที่ถูก poll ในช่วงเวลาปกติ เพื่อดูว่าสวิทช์ตัวไหนจะถูกสลับ ข้อมูลจะหายไปถ้าภายในช่วงเวลาการโพลเดียว สวิทช์สองต้วถูกกด หรือสวิทช์ตัวเดียวถูกกด การโพลนี้สามารถทำได้โดยตัวประมวลผลพิเศษในเครื่อง เพื่อป้องกัน ภาระให้กับ CPU หลัก เมื่อสัญลักษณ์ใหม่ถูกป้อนเข้าไป อุปกรณ์ที่มักจะส่งสัญญาณขัดจังหวะ เพื่อแจ้งเตือนในรูปแบบพิเศษเฉพาะเพื่อให้ CPU อ่านมัน

สำหรับอุปกรณ์ที่มีสวิทช์เพียงไม่กี่ตัว (เช่นปุ่มบนจอยสติก), สถานะของสวิทช์แต่ละตัวสามารถ เข้ารหัสเป็นบิต (ปกติ 0 สำหรับปล่อยและ 1 สำหรับกด)ในคำเดียว แบบนี้จะเป็นประโยชน์เมื่อ การผสมกันของปุ่มกดมีความหมายและบางครั้งถูกใช้สำหรับการผ่านสถานะของแป้นตัวปรับบนแป้นพิมพ์(เช่นปุม shift และปุ่ม control) แต่มันก็ไม่ได้ออกแบบที่จะสนับสนุนคีย์มากกว่า จำนวนบิตในไบต์หรือคำเดี่ยวๆ

อุปกรณ์ที่มีสวิทช์จำนวนมาก(เช่นแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์) มักจะจัดการสวิทช์เหล่านี้ในแบบเมทริกซ์สแกน, ที่สวิทช์แต่ละตัววางอยู่บนจุดตัดแกน x และแกน y เมื่อสวิทช์ถูกกด มันจะเชื่อมต่อที่จุดตัดแกน x และแกน y ที่สอดคล้องกัน การโพลลิ่ง (มักเรียกว่าการสแกนในกรณีนี้) จะกระทำโดยการเปิดใช้งานแต่ละสาย x ในแต่ละลำดับและการตรวจสอบสาย y สายไหนที่มีสัญญาณ และคีย์ไหนที่ถูกกด เมื่อตัวประมวลผลของแป้นพิมพ์ตรวจพบว่ามีคีย์หนึ่งมีการเปลี่ยนสถานะ มันก็จะส่งสัญญาณไปยัง CPU เพื่อระบุรหัสสแกนของคีย์และสถานะใหม่ของมัน จากนั้นสัญญลักษณ์จะถูกเข้ารหัสหรือแปลงเป็นตัวเลขที่อยู่บนพื้นฐานของสถานะของคีย์ตัว ปรับปรุงและคีย์การเข้ารหัสอักขระที่ต้องการ

การเข้ารหัสที่กำหนดเองสามารถนำมาใช้สำหรับการใช้งานเฉพาะอย่างโดยไม่สูญเสียข้อมูล อย่างไรก็ตามการใช้การเข้ารหัสมาตรฐานเช่น ASCII เป็นปัญหาถ้าสัญลักษณ์เช่น 'ß' จะต้องมีการแปลงแต่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐาน

เป็นที่คาดว่าในปี 1986 น้อยกว่า 1% ของกำลังการผลิตเทคโนโลยีของโลกในการจัดเก็บข้อมูล จะเป็นดิจิทัลและ ในปี 2007 มันเป็นไปแล้ว 94%[3] ปี 2002 ถือว่าเป็นปีเมื่อมนุษย์สามารถที่จะเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นในระบบดิจิทัลกว่าในรูปแบบแอนะล็อก (" จุดเริ่มต้นของยุคดิจิทัล")[4]ไง555