ตลาดโบ๊เบ๊ หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า
โบ๊เบ๊ (
อักษรโรมัน: Bo-Be Market, Bo-Be) เป็น
ตลาดแห่งหนึ่งในพื้นที่
กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บน
ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ระหว่าง
แยกกษัตริย์ศึก (ยศเส) กับ
แยกสะพานขาว โดยเลียบไปกับ
คลองผดุงกรุงเกษมตัดกับ
คลองมหานาค เป็นตลาดที่เป็นที่รู้จักกันดีจากการเป็นตลาด
ขายส่งเสื้อผ้าราคาถูกตลาดโบ๊เบ๊ เดิมเป็นชุมชนที่เกิดขึ้นราว พ.ศ. 2470 ก่อน
สงครามโลกครั้งที่สอง ชาวชุมชนตรงนี้มีอาชีพที่หลากหลาย เช่น ย้อมผ้า หรือขายชา, กาแฟ หรือน้ำมะพร้าว ต่อมามีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนตั้งแผงขายของกันอยู่ในบริเวณถนนดำรงรักษ์ (ตรอกขี้เถ้า) โดยนำสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคสารพัดชนิดมาวางขายกันแบบแบกะดิน นอกจากนี้ยังเป็นตลาดขายส่งเสื้อผ้าราคาถูก
[1] บริเวณลาน
วัดบรมนิวาสราชวรวิหารด้านติดกับ
คลองแสนแสบ จนกระทั่งเกิดสงครามโลก สินค้าอุปโภคบริโภคขาดเแคลนเนื่องจากภาวะสงคราม เช่น เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม จึงมีการนำมาขาย เสื้อผ้าที่นำมาขายระยะแรกส่วนหนึ่งเป็นเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดในสงคราม โดยนำมาซักทำความสะอาดและขายลักษณะแบกะดิน หรือเสื้อผ้ามืองสองที่ใช้แล้ว จึงทำให้มีราคาถูกมาก และได้ย้ายที่ขายมาเป็นริมทางรถไฟข้างวัด จนกลายมาเป็นตลาดอย่างถาวร
[2] ต่อมาเมื่อมีพ่อค้าแม่ค้าเพิ่มมากขึ้นจนพื้นที่ขายไม่พอทำให้บางส่วนต้องอาศัยพาดผ้ากับแขนแล้วเดินขายให้ลูกค้าทั่วไป เมื่อตลาดเริ่มคึกคักจนเป็นที่รู้จักมากขึ้นจึงได้เปลี่ยนลักษณะการขายแบกะดินมาเป็นแผงลอย และ
อาคารพาณิชย์ดังเช่นปัจจุบันโดยชื่อตลาดโบ๊เบ๊ สันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "บ๊งเบ้ง" โดยชื่อนี้มีที่มาจากอดีตขณะที่ยังเป็นตลาดขายเสื้อผ้าเก่าอยู่ ผู้คนที่มาค้าขายมักจะส่งเสียงดังหนวกหูจนกระทั่งแถบนี้ได้ชื่อเรียกว่า "ตลาดบ๊งเบ้ง"
[2]ทั้งนี้คำว่า "โบ๊เบ๊" ใน
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้นิยามไว้ว่า "
ว. มีเสียงเอ็ดอึงจนฟังไม่ได้ศัพท์."
[3]ในย่านตลาดโบ๊เบ๊ ตรงข้ามกับตลาดโบ๊เบ๊สะพาน 4 คือ
มัสยิดมหานาค อันเป็น
มัสยิดและชุมชนชาวมุสลิมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ติดกับคลองมหานาค ใกล้กับสะพานเจริญราษฎร์ 32
[4][5]ตลาดโบ๊เบ๊แบ่งเวลาขายออกเป็น 2 ช่วง คือ เวลากลางวันตั้งแต่เวลา 09.00–15.00 น. และเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 23.00–05.00 น.
[6] โดยเฉพาะกลางคืนจะมีความคึกคักมาก จนกระทั่งถึง
รุ่งสาง จากนั้นแผงลอยและอาคารพาณิชย์ซึ่งตั้งอยู่ด้านในก็จะกลับมาเปิดขายอีกครั้ง โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าจากต่างจังหวัด เสื้อผ้าสำเร็จรูปยังเป็นที่นิยมของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, สิงคโปร์ และมาเลเซีย ส่วนตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดคือประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง โดยมีมูลค่าส่งออกถึงปีละหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปี
[7]