การค้นพบ ของ ตะขาบน้ำตก

นายจอร์จ เบคคาโลนี นักกีฏวิทยาและภัณฑารักษ์ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติลอนดอน[4] ค้นพบตะขาบน้ำตกครั้งแรกที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี [5] เมื่อ พ.ศ. 2544 ขณะที่เขามาพักผ่อนในประเทศไทย นายเบคคาโลนีบรรยายลักษณะของตะขาบว่า "มันดูน่าสยดสยอง มันมีขายาวมากและมีสีดำแกมเขียว" เขาพบตะขาบสายพันธุ์นี้เมื่อเขาไปพลิกหินก้อนหนึ่งริมลำธาร[2] โดยสิ่งที่เขาสังเกตได้ก็คือ ตะขาบตัวนี้รีบวิ่งหนีไปยังลำธาร แทนที่จะวิ่งเข้าป่า ซึ่งพฤติกรรมนี้ถือว่าผิดปกติ เนื่องจากตะขาบทั่วไปนั้นจะพยายามหลีกเลี่ยงน้ำ[3] จากนั้น ตะขาบตัวนี้ก็ว่ายน้ำเข้าไปหลบซ่อนอยู่ใต้ก้อนหินในลำธาร[2] หลังจับตะขาบตัวนี้ได้ นายเบคคาโลนีก็พบว่า มันมีลักษณะการว่ายน้ำคล้ายกับปลาไหล[3] นายเบคคาโลนีจึงได้เก็บตะขาบตัวนั้นกลับไปที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติลอนดอน เพื่อนำไปสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านตะขาบคนหนึ่งที่พิพิธภัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นมีข้อกังขาเกี่ยวกับการค้นพบของนายเบคคาโลนี เพราะตะขาบในกลุ่ม Scolopendra มักจะอาศัยอยู่ตามที่แห้ง และจนถึงตอนนั้นยังไม่เคยมีการค้นพบตะขาบสะเทินน้ำสะเทินบกมาก่อนเลย[2]

ตัวอย่างตะขาบของนายเบคคาโลนีถูกจัดเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์หลายปี โดยไม่มีการค้นพบข้อมูลเพิ่มเติม[2] จนกระทั่งนายเกรกอรี เอดจ์คอมบ์ เพื่อนร่วมงานของนายเบคคาโลนี และนายวรุฒ ศิริวุฒิ นักเรียนชาวไทยของเขา ได้เก็บรวบรวมตะขาบอีกสองตัวใกล้น้ำตกในประเทศลาว จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ พบว่าตะขาบสองตัวนี้เป็นตะขาบสายพันธุ์ใหม่ พวกเขาจึงได้ตั้งชื่อสายพันธุ์ว่า Scolopendra cataracta ซึ่งมาจากภาษาละติน แปลว่าน้ำตก [2]

จนถึงปัจจุบัน มีการเก็บตัวอย่างตะขาบน้ำตกไว้ได้เพียงสี่ตัวเท่านั้น ตะขาบตัวแรกถูกเก็บมาจากประเทศเวียดนามเมื่อปี พ.ศ. 2471 แต่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตะขาบธรรมดา จึงถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติลอนดอนโดยไม่มีการค้นหาเพิ่มเติม[2] ตะขาบตัวที่สองคือตะขาบที่นายเบคคาโลนีพบที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนตะขาบสองตัวสุดท้ายถูกเก็บได้โดยนายเอดจ์คอมบ์ที่ประเทศลาว[2]