ตู้ปลา (
อังกฤษ: Aquarium) คือ ภาชนะหลักสำหรับการเลี้ยง
ปลาสวยงาม มีรูปทรงต่าง ๆ กัน โดยมากมักจะทำเป็นรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยผลิตจากวัสดุประเภท
กระจกหรือ
อะครีลิค มีขนาดแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ประมาณ 1
ฟุต จนถึงหลาย
เมตรใน
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมิภายในน้อยกว่าหรือช้ากว่าตู้ปลาที่มีขนาดเล็กโดยมากแล้วตู้ปลาที่ผลิตจากกระจกจะเชื่อมต่อกันด้วย
กาวซิลิโคนแบบกันน้ำ ซึ่งมีความเหนียวทนทานต่อการละลายของน้ำ ขณะที่ประเภทที่ผลิตจากอะครีลิคจะมีความทนทานกว่า เนื่องจากไม่แตกหักได้ง่าย แต่ก็จะมีราคาขายที่สูงกว่าซึ่งตู้ปลาแบบที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้วยแล้ว จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือเป็นตู้ปลาแบบเก่า มีกรอบเป็นอะลูมิเนียม และชันอุดกันน้ำรั่ว ซึ่งตู้แบบนี้แลดูอาจไม่
สวยงาม แต่มีความทนทานเป็นตู้ปลาแบบใหม่ ไม่มีกรอบ เป็นแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน แต่ความทนทานสู้แบบแรกไม่ได้
[1]การเลี้ยงปลาในตู้มี
ประวัติศาสตร์มาตั้งแต่
ยุคโรมัน และพัฒนาการเรื่อยมาจนถึง
ยุคกลางและต่อมาจนถึงปัจจุบัน
[2] ซึ่งในปัจจุบัน มีการผลิตตู้ปลาให้มีรูปทรงหลากหลายยิ่งขึ้น เช่น
ทรงกลม (มักนิยมใช้เลี้ยง
ปลาทอง),
หกเหลี่ยม หรือ ตู้ปลาที่เป็น
เฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน ทั้งเป็น
โต๊ะรับแขก และเป็นตู้ไม้ รวมถึงมีการแปรรูปจากวัสดุที่เหลือใช้งานแล้ว เช่น
โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งติดตั้งกับฝาผนังของ
บ้าน[3]สำหรับตู้ปลาขนาดใหญ่ในพิพิธภัณฑ์แล้ว การที่ต้องบรรจุน้ำที่มี
ปริมาณเป็นจำนวนหลาย
ลิตร ต้องใช้ความหนาของวัสดุตามไปด้วย โดยมีหลักการ
คำนวณโดยใช้
ความสูงคูณกับ
ความกว้างและคูณกับ
ความยาวของตู้ จะได้เท่ากับปริมาณลิตรของน้ำที่จะใช้บรรจุ
[1]หลักในการดูแลรักษาตู้ปลา ผู้เลี้ยงต้องเอาใจใส่ เนื่องจากตู้ปลาสำหรับเลี้ยงปลาสวยงามส่วนบุคคลส่วนใหญ่นั้น กาวซิลิโคนที่ใช้เชื่อมต่อกันนั้นจะเสื่อมสภาพได้เมื่อใช้นานไปสักระยะ จึงหมั่นควรสังเกต และระวังการแตกหักและซึมของน้ำ จึงต้องมีวัสดุที่มีความหนานุ่มรองก้นตู้ไว้ด้วย เช่น
โฟม,
พลาสติกหรือ
ไม้อัด หากตู้ปลาเกิดจากการรั่วซึม สิ่งที่ต้องทำคือปล่อยน้ำทิ้งให้หมด เช็ดทำความสะอาดแล้วผึ่ง
ลมให้แห้งสนิท จากนั้นก็นำมาซ่อมแซม โดยการใช้ชันหรือกาวซิลิโคนทารอยรั่วให้เรียบร้อย ปล่อยทิ้งไว้นานพอประมาณ จนมั่นใจว่าติดสนิทดีแล้วจึงใส่น้ำลงตู้ปลา สังเกตรอยรั่วซึมของน้ำอีกครั้ง ถ้าไม่มีรอยรั่วซึมแล้วจึงเริ่มจัดตู้ปลาพร้อมปล่อยปลาลง ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้กาวซิลิโคนเสื่อมสภาพได้แก่
ความร้อนและ
แสงอาทิตย์[4]สำหรับตู้ปลาส่วนบุคคลที่เชื่อว่า ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นของจอห์น มาร์คัส
ชาวอเมริกัน ที่
ลอสแอนเจลิส ที่ทำตู้ปลาในโรงจอดรถของครอบครัว ในปี
ค.ศ. 2002 และขยายเพิ่มอีกในปี
ค.ศ. 2005 โดยมีความจุน้ำกว่า 10,000
แกลลอน ซึ่งเมื่อเทน้ำทั้งหมดออกแล้ว จะสามารถจอด
รถยนต์ได้ 2 คัน ด้วยค่าใช้จ่ายมากกว่า 100,000
ดอลลาร์สหรัฐ ปลาทั้งหมดในนี้ประกอบด้วยปลาน้ำจืดขนาดใหญ่กว่า 100 ตัว อาทิ
ปลาอะราไพม่า,
ปลาเปคู,
เต่าจมูกหมู ค่าปลาทั้งหมด 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงดูในแต่ละเดือนกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ
[5]สำหรับตู้ปลาที่ได้ชื่อว่า
สวยที่สุดในโลก คือ ตู้ปลาในโรงแรมเรดิสันบลู ใน
กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ที่เป็นตู้ปลาทรงกลม สูงกว่า 25
เมตร แขวนอยู่กับเพดานโรงแรม ขณะที่ด้านล่าง คือ ล็อบบี้ของโรงแรม ซึ่งสามารถชมได้ชัดเจนจากใน
ลิฟต์แก้ว และห้องพักของลูกค้าโรงแรม ภายในเลี้ยง
ปลาทะเล 2,600 ตัว ใน 25
ชนิด ด้วยมูลค่าก่อสร้างกว่า 12.8 ล้าน
ยูโร[6]