มรดกของต๊กโกวคิ้วป้าย ของ ต๊กโกวคิ้วป้าย

อมตะวาจา

  • ท่องยุทธจักร กว่าสามสิบปีพิชิตศัตรู สังหารอริราช วีรบุรุษห้าวหาญ ทั่วทั้งโลกหล้าไร้ผู้ต่อกร สิ้นผู้ทัดเทียม ได้แต่เร้นกายในหุบเขาลึก มีอินทรีเป็นเพื่อน โออนิจจาในชีวิตคิดแสวงหาคู่มือสักคนยังไม่พบพาน นับว่าเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างสุดคณา

"ลงชื่อ เกี่ยมม้อ (กระบี่อสูร) ต๊กโกวคิ้วป่าย"

สุสานกระบี่

อีกสิ่งที่ต๊กโกวคิ้วป่ายได้ทิ้งไว้ และยืนยันถึงการมีตัวตนและระดับพลังฝีมือในเชิงกระบี่ของเขา นั้นคือสุสานกระบี่ ซึ่งต่อมาในมังกรหยกเอี้ยก้วยได้เป็นผู้ไปพบเข้า โดยสุสานกระบี่นั้นตั้งอยู่บนแท่นหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผาสูงชัน จารึกข้อความไว้ว่า กระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่าย เมื่อพิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้าน จึงฝังกระบี่ไว้สถานที่นี้ โอ้อนิจจา เหล่าผู้กล้าอับจนวิธี เสียทีที่กระบี่คมกล้า เป็นที่น่าอนาถใจเอี้ยก้วยเมื่อเห็นข้อความก็รู้สึกว่าผู้อาวุโสท่านนี้มีนิสัยทระนงถือดี ท่องเที่ยวเพียงลำพัง มีส่วนคล้ายกับนิสัยใจคอของเขา สุสานกระบี่ก็ครอบครองชัยภูมิที่ดี คาดว่าคนผู้นี้ปราดเปรื่องทั้งบุ๋นและบู๊ มีปณิธานเหนือคนธรรมดา นับเป็นยอดคนที่น่าเลื่อมใส ในสุสานกระบี่มีกระบี่วางเรียงอยู่บนแท่นหินเขียว กระบี่ที่วางเรียงมีสามเล่ม ระหว่างเล่มแรกกับเล่มที่สองขั้นไว้ด้วยแผ่นหินแท่งยาวแท่งหนึ่ง

  • ใต้กระบี่แรกได้สลักอังษรไว้ว่า เกรี้ยวกราดรุนแรง ทำลายล้างทุกสิ่ง เมื่อวัยหนุ่มฉกรรจ์ ใช้ชิงชัยกับเหล่าผู้กล้าแคว้นฮ่อซวก ลักษณะกระบี่มีความยาวประมาณสี่เชียะ เปล่งประกายสีเขียว นับเป็นศัสตราวุธคมกล้า
  • ถัดมาเป็นแท่งหิน เมื่อยกขึ้นมีข้อความจารึกไว้ว่า กระบี่อ่อนกุหลาบม่วง ใช้ก่อนอายุสามสิบ พลั้งมือทำร้ายผู้กล้าฝ่ายธรรมมะ ถือเป็นสิ่งอัปมงคล โยนทิ้งลงสู่ก้นหุบเหว
  • กระบี่เล่มที่สาม เป็นกระบี่สีดำมีน้ำหนักมาก ปลายโค้งมนไม่มีคม กระบี่แบบนี้ไหนเลยใช้ได้คล่องแคล่วถนัดมือ แต่ใต้กระบี่กลับจารึกไว้ว่า กระบี่หนักไร้คม ใช้ได้คล่องแคล่ว ฝีมือการสร้างไม่ประณีต ก่อนอายุสี่สิบใช้พิชิตทั่วแผ่นดิน
  • กระบี่เล่มสุดท้าย เอี้ยก้วยคิดว่าต้องหนักยิ่งกว่ากระบี่เหล็กนิล จึงเกร็งลมปราณสู่แขนซ้าย แต่พอยกมากลับเบาหวิว ที่แท้เป็นเพียงกระบี่ไม้เปื่อยผุ จารึกไว้ว่า

"หลังอายุสี่สิบปี ไม่ยึดติดกับวัตถุ แม้นจะไผ่หรือหินล้วนคือกระบี่ นับแต่บัดนี้ "มุ่งสู่ขอบเขต" ไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่"

เอี้ยก้วยวางกระบี่ลงอย่างนอบน้อม ทอดถอนใจยาว แล้วกล่าวว่า ยอดวิชาของผู้อาวุโส สุดที่ผู้คนจะคาดคำนวณได้

ปริศนาธรรมที่แฝงไว้ในกระบี่ทั้ง 4 เล่ม

ในขณะที่ทุกคนหลงไปกับฝีมือและความเก่งกาจของ ต๊กโกวคิ้วป่าย ซึ่งทิ้งกระบี่ทั้ง 4 เล่ม ตกทอดไว้จนเอี้ยก้วยได้มาพบในมังกรหยกภาค 2น้อยคนนักที่จะตระหนักถึงปริศนาธรรมที่ท่านอาจารย์กิมย้ง ซ่อนเอาไว้ในกระบี่ทั้ง 4 เล่มนี้ โดยใช้ตัวละครอย่าง ต๊กโกวคิ้วป่าย เป็นผู้อำพราง

  • กระบี่เล่มแรก (無名利劍) "กระบี่ไร้นาม" เกรี้ยวกราดรุนแรง แสวงหาชื่อเสียง ฝึกฝนมุ่งมั่นเพื่อความเป็นหนึ่ง คือช่วงวัยหนุ่ม
  • กระบี่เล่มสอง (紫薇軟劍) "กระบี่อ่อนกุหลาบม่วง" ฆ่าคนเพื่อไต่เต้าสู่ความเป็นใหญ่ พลั้งมือทำร้ายคนดี จึงทิ้งกระบี่คือวัยสร้างชื่อ
  • กระบี่เล่มสาม (玄鐵重劍) "กระบี่เหล็กนิล" เริ่มเข้าใจโลก หันมาใช้กระบี่หนัก แม้เคลื่อนไหวช้าลงแต่มีเวลาคิดมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่พลั้งมือทำร้ายคนดีอีก คือวัยตอนไร้ผู้เปรียบติดแล้ว
  • กระบี่เล่มสุดท้าย (腐朽木劍) "กระบี่ไม้" เข้าใจในโลก จึงละทิ้งกระบี่ มีอินทรีเป็นเพื่อน ปล่อยวางทุกสิ่ง สิ้นผู้ทัดเทียม

"หากดูให้ดีแล้วก็จะพบว่าสิ่งที่แฝงมากับความยิ่งใหญ่ของตัวละคร ต๊กโกวคิ้วป้ายผู้นี้ คือการสะท้อนแนวคิด ทัศนคติ และปรัชญาของอาจารย์กิมย้งที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความไม่เที่ยงในช่วงชีวิตของคนเรานั้นเอง"

วิชาตกทอด

  • เคล็ดกระบี่หนัก ความจริงมิได้มีการจารึกไว้ แต่อินทรียักษ์จำวิธีที่ต๊กโกวคิ้วป่ายฝึกได้ จึงบังคับให้เอี้ยก้วยทำตาม โดยฝึกกระบี่ในน้ำป่า รุกรับกับอินทรียักษ์ แนวทางกระบี่เป็นการเน้นกำลังหนักหน่วง ซึ่งถูกกล่าวกันว่าเอี้ยก้วยคือผู้สืบทอด "เคล็ดวิชาสายลมปราณ"
  • ซึ่งต่างจากเก้ากระบี่เดียวดายของต๊กโกวคิ้วป่ายในกระบี่เย้ยยุทธจักรที่เน้นการพลิกแพลงกระบวนท่า ยิ่งคู่ต่อสู้เก่งกาจมากเพียงใด เพลงกระบี่ก็แสดงอานุภาพล้ำลึกพิสดารตามมากเพียงนั้น โดยว่ากันว่า "ฟงชินหยาง" คือผู้สืบทอด "เคล็ดวิชาสายกระบี่" ของตำนาน ผู้แสวงพ่ายท่านนี้