ประวัติ ของ ถนนพระรามที่_2

การก่อสร้าง

ถนนพระรามที่ 2 ก่อสร้างในสมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร ตั้งแต่ พ.ศ. 2513 แล้วเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2516 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักมุ่งสู่ภาคใต้ ช่วยย่นระยะทางสั้นกว่าถนนเพชรเกษมประมาณ 40 กิโลเมตร จึงทำให้ประชาชนใช้เส้นทางนี้แทนถนนเพชรเกษม เป็นต้นมา

ในช่วงระยะแรกเป็นทางหลวงแผ่นดินขนาด 2 ช่องจราจรสวนทาง ต่อมาเมื่อมีผู้สัญจรไปมาบนถนนสายนี้เป็นจำนวนมาก จนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อีกทั้งสภาพพื้นที่ที่เป็นบริเวณดินอ่อนตลอดสายทาง ผ่านท้องทุ่งนาเกลือ สวนมะพร้าว จึงเป็นสาเหตุทำให้คันทางมีการทรุดตัว ดินอ่อนสูง มีน้ำท่วมเป็นช่วง ๆ ผิวจราจรเกิดความเสียหาย ผู้ใช้เส้นทางได้รับความเดือดร้อนมาก จึงได้มีโครงการก่อสร้างครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2532 โดยขยายช่องจราจรจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร พร้อมทางแยกต่างระดับ 4 แห่ง ได้แก่ บางขุนเทียน สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และวังมะนาว แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2537 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2539 มีการขยายถนนช่วงสามแยกบางปะแก้วถึงทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน เป็น 14 ช่องจราจร แบ่งออกเป็นช่องทางหลัก 8 ช่องจราจร และช่องทางขนานข้างละ 3 ช่องจราจร แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2543

ในปี พ.ศ. 2544 ได้มีการขยายช่องจราจรจาก 4 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร และ 10 ช่องจราจรตามลำดับ ระหว่างทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน–นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร (กม.12+000–กม.34+000) ความยาวรวมประมาณ 22 กิโลเมตร เพื่อรองรับการจราจรที่เพิ่มขึ้น จากการขยายการก่อสร้างถนนพระรามที่ 2 ช่วงดาวคะนอง และถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก จากบางบัวทอง–บางขุนเทียน ตอน 1, 2 และ 3 ให้สอดคล้องต่อเนื่องกันตลอดสาย โดยดำเนินการก่อสร้างส่วนที่สำคัญเฉพาะทางคู่ขนานด้านขาเข้าและขาออกข้างละ 2–3 ช่องจราจร เพื่อประหยัดงบประมาณก่อสร้าง แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2546

ปัจจุบันเพื่อเป็นการรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถนนพระรามที่ 2 เป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักไปสู่ภาคใต้ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดเทศกาล กรมทางหลวงจึงทำการก่อสร้างโครงการส่วนต่อขยายจนถึงทางแยกต่างระดับวังมะนาว (กม.34+000-กม.84+041) โดยขยายช่องจราจรจากเดิม 4 ช่องจราจรเป็น 6–8 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

มีโครงการการขยายถนนพระรามที่ 2 ระหว่างแยกต่างระดับบางขุนเทียน-แยกเอกชัย จาก 10 ช่องจราจร เป็น 14 ช่องจราจร คาดว่าจะแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2563 รวมทั้งก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 ช่วงบางขุนเทียน–มหาชัย–วังมะนาว ระยะทาง 75 กิโลเมตร ต่อเนื่องจากโครงการทางพิเศษสายพระรามที่ 3–ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกตะวันตก ขนานไปกับถนนพระรามที่ 2 ถึงทางแยกต่างวังมะนาว

การเปลี่ยนประเภททางหลวง

ป้ายเลขทางหลวง 35 ของถนนพระรามที่ 2 ในสมัยที่สถานะทางหลวงเป็นทางหลวงพิเศษ ในปัจจุบันเป็นทางหลวงแผ่นดิน และป้ายเลขทางหลวงส่วนมากถูกเปลี่ยนเป็นป้ายใหม่

ในอดีตถนนพระรามที่ 2 ได้ถูกกำหนดประเภทของทางหลวงให้เป็นทางหลวงพิเศษ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2518[1] ซึ่งความแตกต่างระหว่างทางหลวงพิเศษกับทางหลวงแผ่นดินสามารถสังเกตได้ชัดเจนจากป้ายเลขทางหลวง โดยทางหลวงแผ่นดิน พื้นป้ายจะเป็นสีขาว ตัวหนังสือ หมายเลข และตราครุฑจะเป็นสีดำ และทางหลวงพิเศษ (ที่ไม่ได้มีการเก็บค่าผ่านทาง) พื้นป้ายจะเป็นสีเขียว ตัวหนังสือ หมายเลข และตราครุฑจะเป็นสีขาว ซึ่งลักษณะป้ายเหล่านี้จะรวมไปถึงป้ายบอกชื่อแม่น้ำลำคลอง ป้ายบอกเขต ป้ายแบ่งเขตปกครอง และป้ายบอกชื่อหมู่บ้าน[2]

ถนนพระรามที่ 2 คงสถานะการเป็นทางหลวงพิเศษจนกระทั่งในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ได้มีการเปลี่ยนประเภททางหลวง ซึ่งมีใจความสำคัญว่า ถนนพระรามที่ 2 มิได้มีการควบคุมให้มีการเข้าออกได้เฉพาะโดยทางเสริม หมายความว่าสภาพเส้นทางบางส่วนของถนนพระรามที่ 2 ไม่ได้เป็นไปตามลักษณะของทางหลวงพิเศษ จึงทำให้มีการเปลี่ยนประเภทและกำหนดให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 35 สายธนบุรี–ปากท่อ เป็นทางหลวงแผ่นดิน[3] ซึ่งในอดีตจะเห็นป้ายทางหลวงพิเศษหมายเลข 35 เป็นพื้นหลังสีเขียวอยู่ตามป้ายบอกทาง แต่ในปัจจุบันป้ายเหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นป้ายพื้นหลังสีขาว แต่ก็ยังมีบางป้ายที่ยังคงเป็นป้ายพื้นหลังสีเขียวเดิมอยู่ในบางจุด[4][5]

ซึ่งความหมายของทางหลวงพิเศษ คือ ทางหลวงที่จัดหรือทำไว้เพื่อให้การจราจรผ่านได้ตลอดรวดเร็วเป็นพิเศษ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด และได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงพิเศษ โดยกรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะและบำรุงรักษา รวมทั้งควบคุมให้มีการเข้าออกได้เฉพาะ โดยทางเสริมที่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษตามที่กรมทางหลวงจัดทำขึ้นไว้เท่านั้น[6]