ลักษณะ ของ ทุติยจุลจอมเกล้า

แพรแถบ

เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ทุติยจุลจอมเกล้า สามารถแบ่งออกสำหรับพระราชทานให้ฝ่ายหน้าและฝ่ายใน โดยมีลักษณะดังนี้[2]

ฝ่ายหน้า

เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้า สำหรับฝ่ายหน้า 1 สำรับ ประกอบด้วย

  • ดวงตรา
    • ด้านหน้า มีลักษณะเป็นทองคำรัศมี 8 แฉก ลงยาสีชมพู มีรัศมีทองแทรกตามระหว่างแฉก มีใบชัยพฤกษ์สองข้าง ลงยาสีเขียว กลางดวงตรามีพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอบลงยาสีขาบ มีอักษรทองเขียนว่า "เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ" เบื้องบนมี พระจุลมงกุฎเปล่งรัศมีลงยาสีเขียว สีแดง สีขาบ สีขาว
    • ด้านหลัง มีลักษณะเหมือนด้านหน้า แต่ที่กลางดวงตราเป็นรูปช้างไอราพต ลงยาสีขาว บนหลังช้างเป็นรูปตรีศูล ลงยาสีขาว ที่ขอบมีอักษรทองว่า "ปีระกา เบญจศก ศักราช ๑๒๓๕" รอบขอบเป็นรูปจักร ลงยาสีขาวพื้นแดง

ดวงตราใช้สำหรับประดับห้อยกับแพรแถบสีชมพู กว้าง 5 เซนติเมตร ใช้สำหรับสวมคอ

ฝ่ายใน

เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้า สำหรับฝ่ายใน 1 สำรับ ประกอบด้วย

  • ดวงตรา มีลักษณะเหมือนกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าชั้นปฐมจุลจอมเกล้าสำหรับฝ่ายใน แต่ไม่ประดับเพชร ใช้ห้อยกับแพรแถบสีชมพูขนาดกว้าง 5 เซนติเมตร ผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย


เครื่องราชอิสริยยศ ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ทุติยจุลจอมเกล้า มีบรรดาศักดิ์เสมอขุนนางชั้น พระยาพานทอง จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศประกอบดังนี้

  1. เสื้อครุยเสนามาตย์ปักอักษร จ.จ.จ. (ฝ่ายหน้า) / ผ้าแพรสะพัก(ฝ่ายใน)

2. กาทองคำ โต๊ะทองคำ

3. คณโททองคำ พร้อมพานรอง

4. พานหมากทองคำ พร้อมเครื่องประกอบ 8สิ่ง (ฝ่ายหน้า) / หีบหมากทองคำ (ฝ่ายใน)

เกียรติยศที่จะได้รับพระราชทานเมื่อเสียชีวิต ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ทุติยจุลจอมเกล้า เมื่อเสียชีวิตให้ใช้คำว่า ถึงแก่อนิจกรรม

  1. โกศโถ
  2. น้ำหลวงอาบศพ
  3. ฉัตรเบญจา 4 คันตั้งประกอบเกียรติยศข้างโกศศพ และ 10คัน เวลาแห่เวียนเมรุ
  4. ปี่ไฉน 1 กลองชนะ 10 ประโคม เวลารับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลาแห่โกศศพเวียนเมรุ และ เวลารับพระราชทานเพลิงศพ
  5. เพลิงหลวง (หากพระมหากษัตริย์หรือพระบรมราชินีเสด็จไปพระราชทานเพลิงศพ จะทรงจุดฝักแคพระราชทานเพลิง)

(หากผู้วายชนม์มีเกียรติยศเพิ่มจากนี้ ก็อาจได้รับพระราชทานเครื่องประกอบเกียรติยศสูงขึ้นได้อีก)