ชีวิตการทำงาน ของ ธีรเดช_วงศ์พัวพันธ์

ชีวิตการทำงานยุคแรก (พ.ศ. 2542-2543)

ในปี พ.ศ. 2541 ธีรเดชเริ่มทำงานละคร โดยรับบทรองในละครเรื่อง ซุปเปอร์ลูกทุ่ง ผลิตโดย บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ช่อง 9 ถัดจากนั้นจึงได้รับบทพระเอกเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ในละครเรื่อง ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในบท ไกรสร แสงอนันต์ ซึ่งผลิตโดย บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ทางช่อง 7 ในปี 2542 จากนั้นได้แสดงนำในภาพยนตร์วัยรุ่นโดยผู้กำกับ พจน์ อานนท์ เรื่อง โกซิกซ์ : โกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ. 2543

หลังจากนั้น ธีรเดชได้ย้ายเข้ามาเริ่มเป็นนักแสดงเลือดใหม่ในสังกัดช่อง 3 ในฐานะลูกหม้อค่ายยูม่า โดยแสดงในละครบู๊สุดแนวขวัญใจวัยโจ๋ในขณะนั้นเรื่อง ฝนตกขี้หมูไหล...คนอะไรมาพบกัน โดยรับบทนักโทษแหกคุก เผือก บางซื่อ ซึ่งเขาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นละครเรื่องที่ทำให้เริ่มสนุกกับการแสดง[2] และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่มาทำงานกับช่อง 3 จากนั้นธีรเดช ได้รับบทเด่นในละครยูม่าอีก 2 เรื่อง ได้แก่ คนของแผ่นดิน (2543) และละครบู๊เรื่อง เสือ 11 ตัว (2544)

ช่วงสั่งสมประสบการณ์ (พ.ศ. 2544-2547)

ธีรเดช มีโอกาสแสดงภาพยนตร์เรื่องที่ 2 กำกับโดยผู้กำกับระดับตำนานอย่าง เชิด ทรงศรี โดยธีรเดชรับบทเป็น นพพร ในเรื่อง ข้างหลังภาพ ของค่ายสหมงคลฟิล์ม คู่กับ คาร่า พลสิทธิ์ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2544

ปลายปี พ.ศ. 2544 บริษัท บรอดคาสต์ ไทยเทเลวิชั่น ได้เห็นแววและเริ่มมอบบทพระเอกดราม่าให้ ธีรเดช เป็นครั้งแรกโดยรับบท วีกิจ ในเรื่อง แรงเงา ซึ่งเป็นรีเมคละครและภาพยนตร์ดังเรื่อง แรงหึง โดยได้มาจับคู่กับนางเอกเจ้าบทบาท แอน ทองประสม เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ช่วงวางตัว แต่เมื่อออกอากาศแล้วได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม โดยแรงเงาเวอร์ชันนี้ ช่อง 3 ได้นำมาออกอากาศใหม่อีกถึง 2 รอบ คือในปีพ.ศ. 2546 และ 2547 ถือเป็นละครช่อง 3 ไม่กี่เรื่องที่มีการออกอากาศถึง 3 รอบ

จากนั้นบรอดคาสท์ยังคงส่งบทดราม่าน้ำตาคลอให้เขาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2545 กับละครเรื่อง แผลเก่า โดยรับบท ขวัญ ความสามารถทางการแสดงของ ธีรเดช เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆจนกระทั่งในปีเดียวกันนี้ เขาได้รับบทท้าทายในในละคร ไอ้ม้าเหล็ก ค่ายยูม่า ซึ่งธีรเดชต้องรับบทเป็นโจรโฉดใจชั่วที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแต่เกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมกลายเป็นเหมือนเด็กเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ที่แสนสุขจนกระทั่งวันที่ต้องร้าวรานเมื่อจำอดีตของตัวเองได้ บทนี้เองทำให้ ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2545

พัฒนาการสู่บทพระเอกดราม่า (พ.ศ. 2548-2549)

ปี พ.ศ. 2546 ธีรเดช กลับมาร่วมงานกับ บรอดคาสต์ อีกครั้งในเรื่อง พระจันทร์แสนกล แนวโรแมนติกคอเมดี้ คู่กับนางเอกสาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ เป็นครั้งแรก ถัดจากนั้นได้แสดงละครบู๊ค่ายยูม่าอีกครั้งในเรื่อง รักสุดฟ้าล่าสุดโลก คู่กับ หยาดทิพย์ ราชปาล เป็นเรื่องที่ 2

ธีรเดชกลับสู่บทพระเอกดราม่าอีกครั้งโดยร่วมงานเป็นครั้งแรกกับ บริษัท ละครไท ในปี 2548 กับละครพีเรียด รักโรแมนติกเรื่อง หนึ่งในทรวง โดยรับบทคู่กับนางเอกคู่ขวัญ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ เนื่องจากคิวฉายถูกเลื่อนมาและมีเสียงเปรียบเทียบกับละครเวอร์ชันเก่าจึงเป็นละครนอกสายตา แต่แล้วเมื่อออกอากาศกลับกลายเป็นละครมาแรงแซงโค้งทำเรตติ้งขึ้นอันดับ 1 ของครึ่งปีแรกให้ช่อง 3 ในปีนั้น ปลายปี พ.ศ. 2548 ความเป็นพระเอกละครดราม่าขวัญใจสาวๆชัดเจนขึ้นเมื่อละครเรื่อง สองเรานิรันดร ที่เขาแสดงคู่กับ พิยดา อัครเศรณี โดยบริษัท โพลีพลัส ออกอากาศ ซึ่งทำให้เขาคว้ารางวัลดารานำชายจากหลายสถาบัน รวมถึงทำได้ธีรเดชได้รับ รางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งที่ 2 ด้วย คู่พระ-นาง ธีรเดช-พิยดา ยังได้รับการโหวตให้เป็นดาราคู่ขวัญอีกด้วย ธีรเดช กลับไปสู่ค่ายปั้น ยูม่า ในละครบู๊ตลกเรื่อง สายสืบสายสะดือ ซึ่งเรื่องนี้เกิดอุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำฉากบู๊ขับเจ็ตสกีทำให้ศีรษะชนเข้ากับสะพาน ทำให้ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล[3] ละครออกฉายต้นปีพ.ศ. 2549

ปลายปี พ.ศ. 2549 ธีรเดช ขึ้นแท่นพระเอกยอดนิยมอันดับ 1 สวนดุสิตโพลเป็นปีแรก เมื่อรับบท ราเชนทร์ ในละครคอมเมดีดราม่า เรื่อง อุ้มรัก จากค่ายละครไท โดยการรับบทคู่กับ แอน ทองประสม การกลับมาพบกันอีกครั้งในรอบนี้ทำให้เกิดกระแสคู่ขวัญ "เคน-แอน" เป็นที่กว้างขวางกลายเป็นขวัญใจของแฟนละคร โด่งดังจนกระทั่งซุปเปอร์สตาร์ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เชื้อเชิญไปรับบทคู่รักในมิวสิควิดีโอ "เถียงกันทำไม" ธีรเดชและแอนได้เดินสายรับรางวัลจากละครเรื่องนี้ด้วย

ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง (พ.ศ. 2550-2553)

ปี พ.ศ. 2550 ช่อง 3 ต้องยกเวลาให้กับละครที่ ธีรเดช นำแสดงถึง 3 เรื่อง ต้นปี ธีรเดช กลับไปแสดงกับคู่ขวัญ พิยดา อัครเศรณี อีกครั้งด้วยกระแสที่อยากเห็นคู่รักในละครคู่นี้สมหวังกับเขาบ้าง จึงเป็นที่มาของเรื่อง รักเธอทุกวัน ค่ายโพลีพลัส ตามด้วยละครโด่งดังโรแมนติกคอเมดี้ของคู่ขวัญ ธีรเดช กับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ กับการทำงานกับค่ายละครไทอีกครั้ง ในละครโรแมนติกแนวตลก รักนี้หัวใจเราจอง ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี ปิดท้ายปี ในที่สุดช่อง 3 ก็นำละครที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ 4 ปีก่อนของ ธีรเดช มาลงจอในบทตำรวจสืบสวน ในละครสืบสวนลึกลับ สืบลับรหัสรัก คู่กับ สุนิสา เจทท์ ว่ากันว่าสาเหตุที่ใช้เวลานานกว่าจะได้ออกอากาศเพราะแนวละครลึกลับสืบสวนจริงจังไม่ตรงกับตลาดละครเมืองไทย แต่ที่ได้ลงเนื่องจากจากกระแสความโด่งดังของตัวพระเอกนั่นเอง[4]

กระแสเรียกร้องคู่ขวัญ เคน-แอน ประสบความสำเร็จในปี พ.ศ. 2551 กับละครพิสูจน์ฝีมือการแสดงในบทดราม่าในละคร สวรรค์เบี่ยง คู่กับ แอน ทองประสม เป็นเรื่องที่ 3 ธีรเดชพลิกบทบาทจากพระเอกอบอุ่นมาเป็นพระเอกร้ายได้อย่างยอดเยี่ยม บทลูกชายที่ขาดความรักอย่าง คาวี ทำให้เขาได้เดินสายรับรางวัลพระเอกยอดเยี่ยมจากหลายสถาบัน รวมถึงได้รับ รางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งที่ 3 ด้วย นอกจากได้รางวัลแล้ว ตัวละครก็ประสบความความสำเร็จด้านยอดผู้ชมด้วย รายงานเรตติ้งเฉลี่ยจากนีลเส็น ตลอดทั้งเรื่องอยู่ที่ 14.6[5] และเรตติ้งสูงสุดที่ 20.7 กับตอนอวสานของละครเรื่องนี้ ละครของธีรเดช เป็นที่สนใจอย่างต่อเนื่อง โดยในปลายปีนั้นเอง บ.เมเกอร์ กรุ๊ป ได้นำ ธีรเดช มารับบทดราม่าน้ำตานอง คู่กับ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ เป็นครั้งแรกในละครเรื่อง ใจร้าว ซึ่งเรื่องนี้ธีรเดช ได้ร้องเพลง "ใจฉันเป็นของเธอ" เพื่อใช้ในบทบาทในเรื่องด้วย ความโด่งดังทำให้ธีรเดชนี้ปีนี้ทำให้ได้รับการโหวตให้เป็นพระเอกยอดนิยมอันดับ 1 สวนดุสิตโพล ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โดโซะ คอนเซ็ปต์ เฟอร์นิเจอร์ รองเท้าเบรกเกอร์ มิรินด้า ขนมขนเคี้ยวเคนโด้ และ กล้องถ่ายภาพพานาโซนิก ลูมิค[6]

ในปี พ.ศ. 2552 ธีรเดชกลับมาแสดงภาพยนตร์ เรื่อง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ที่ทำรายได้สูงสุดของปี 2552 ทำรายได้ 145.5 ล้านบาท คำวิจารณ์เรื่องนี้ คมชัดลึกกล่าวว่า "จัดการให้เขาบริหารเสน่ห์ได้อย่างที่ตั้งใจ"[7] ส่วนนิตยสารสตาร์พิกส์กล่าวว่า "ดูเหมือนการแสดงของเคนจะยังไม่รับกับรูปแบบของภาพยนตร์นัก... ออร่าของความเหนือมนุษย์ที่ยังคงแผ่รังสีออกมาจากตัวเขาตลอดเวลา จึงกีดกันให้ตัวละครนี้ดูหลุดลอยจากโลกแห่งความจริง"[8]

ปลายปี พ.ศ. 2552 คู่ขวัญ เคน-แอน กลับมาอีกครั้งในละครโรแมนติกคอเมดี สูตรเสน่หา ที่ทำให้ครูกุ๊ก กับ คุณนายอลิน ทั้งธีรเดช และ แอน เดินสายรับรางวัลจากละครเรื่องนี้เช่นเคย โดย ธีรเดช ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งทำสถิติการได้รับรางวัลดารานำชายดีเด่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการมอบรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ปลายปีเขาได้ให้สัมภาษณ์ถึงวิธีรับงาน ว่าเขาเลือกจะมองที่ภาพรวมมากกว่า ว่าทำงานแล้วมีความสุขหรือเปล่า เพราะเรื่องชื่อเสียงก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ "ทุกอย่างมันก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปอยู่แล้ว มีวันมา มันก็มีวันไป มันไม่มีอะไรแน่นอน แต่ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ ก็น่าจะดีกว่า"[9]

ปีพ.ศ. 2553 ธีรเดช รับบทหนุ่มเจ้าชู้กะล่อน ในละครโรแมนติกคอมเมดี้ วิวาห์ว้าวุ่น ค่ายกู๊ดฟิลลิ่ง ซึ่งเป็นการจับคู่กันครั้งแรกของนางเอกสาว อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ได้ย้ายมาจากช่อง 7 จากนั้น คู่ขวัญ เคน-แอน กลับมาอีกครั้งด้วยบทบาทที่โตขึ้นใน 365 วันแห่งรัก ค่าย เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป ปลายปีนี้ธีรเดชมีโอกาสได้เล่นละครเวทีเป็นครั้งแรกในเรื่อง เคนลี่กะก๊วนขี้เล่น จัดแสดงทั้งหมด 18 รอบ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.-5 ธ.ค.2553

ในปีนี้เอง ภาพยนตร์ รถไฟฟ้า มาหานะเธอ ได้เข้าฉายในประเทศอินโดนีเซียและกลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก กระแสบอกต่อทำให้ระยะเวลาฉายในโรงหนังขยายออกไป และถือเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่เปิดตลาดให้ภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติกคอมเมดี้จากเดิมที่ดังเฉพาะหนังสยองขวัญ[10] รถไฟฟ้ามาหานะเธอยังได้เข้าฉายในสิงคโปร์เมื่อ 29 ก.ค.2010 และไต้หวัน เมื่อเดือน ก.ย.2010[11]

ผลงานในยุคถัดมา และผลงานที่ออกฉายในต่างประเทศ (พ.ศ. 2554-ปัจจุบัน)

ปีพ.ศ. 2554 ธีรเดช กลับสู่ค่ายที่ปั้นเขาขึ้นมาอย่าง ค่ายยูม่า ในละครบู๊แนวถนัด รหัสทรชน คู่กับ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ตามด้วยละครรักโรแมนติกที่ถ่ายทำที่กรุงปราก อย่าง กลรักลวงใจ คู่กับคู่ขวัญ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ ทำให้เกิดกระแสเที่ยวกรุงปรากตามมา[12] ปลายปีนี้ ธีรเดช ถูกโหวตให้เป็นพระเอกยอดนิยมอันดับ 1 โดยสวนดุสิตโพล เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน[13]

ปีพ.ศ. 2555 ธีรเดช ร่วมกับภรรยา บุษกร วงศ์พัวพันธ์ ก่อตั้งค่ายละคร ซิติเซ่นเคน เพื่อผลิตละครให้แก่ช่อง 3 โดยประเดิมเรื่องแรกคือ รักคุณเท่าฟ้า ซึ่งธีรเดชรับบทพระเอก คู่กับนางเอก 4 ท่าน ได้แก่ เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ เข็มอัปสร สิริสุขะ อารยา เอ ฮาร์เก็ต และ มารี เบรินเนอร์

ในปีนี้เอง ละครที่นำแสดงโดย ธีรเดช และ แอน 3 เรื่องได้ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปออกอากาศในประเทศจีนเป็นครั้งแรก เริ่มตั้งแต่ สูตรเสน่หา ทางช่องอานฮุย (26 ม.ค.55) อุ้มรัก ทางช่องหูเป่ย (27เม.ย.55) สวรรค์เบี่ยง ทางช่องอานฮุย (29 เม.ย.2555) ตามด้วย อุ้มรัก ทางช่องอานฮุย (17 พ.ค.2555) และปิดท้ายปีด้วยการกลับมาฉายอีกรอบของ สูตรเสน่หา ทางช่องอานฮุย (10 มิ.ย.2012) สวรรค์เบี่ยง ได้กลายเป็นละครละครที่ทำเรตติ้งสูงที่สุดในไทม์สล็อต 22.30น.ในปีนั้นของช่องอานฮุย

ปีพ.ศ. 2556 บรอดคาสต์วางตัว ธีรเดช คู่กับ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ อีกครั้งในละคร มัจจุราชสีน้ำผึ้ง แต่นางเอกสาวขอถอนตัวไปเนื่องจากเป็นช่วงหลังแต่งงาน พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ ถูกคัดเลือกให้เข้ามารับบทแทน ถือเป็นนางเอกรุ่นใหม่ของช่องคนแรกที่แสดงละครคู่ธีรเดช ปลายปีนี้ ธีรเดช กลับมาคู่นางเอกสาว อารยา เอ ฮาร์เก็ต อีกครั้งในผลงานเรื่องที่ 2 ของค่ายซิติเซ่นเคน เรื่อง อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ในส่วนของต่างประเทศ ไต้หวันนำ สูตรเสน่หา ไปออกอากาศครั้งแรกทางช่อง GTV (16เม.ย.-28พ.ค.2556) ตามด้วย ใจร้าว (3 ต.ค.2556) ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่ ยังคงมีละครของธีรเดช ออกอากาศอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ วิวาห์ว้าวุ่น ทางช่องเจียงซู (8 ก.ค.2556) และเรื่องเดียวกันนี้ทางช่องซีเจียง (8 ก.ค.2556) ถัดจากนั้น ใจร้าว ออกอากาศทางช่องซานซี (ส.ค.2556) และ ใจร้าว ทางช่องอานฮุย (21 ส.ค.2556) และละครเรื่อง ใจร้าว กลายเป็นละครเรตติ้งอันดับ 1 ในบรรดารายการทีวีกลางวันที่ฉายทั่วประเทศจีนในช่วงซัมเมอร์ โดยเฉพาะตอนที่ 12 และ 13 ได้ทำสถิติติด Top 3 รายการกลางวันที่เรตติ้งสูงสุดในช่วงซัมเมอร์อีกด้วย จนช่องอานฮุยต้องนำละครกลับมาออกอากาศอีกครั้งทันทีที่ฉายจบไปโดยออกอากาศในช่วงเวลากลางคืน (30 ต.ค.2556)[14] สูตรเสน่หา กลับมาฉายทางช่องกุ้ยโจ (9-30ก.ย.2556)

ปีพ.ศ. 2557 ปีแรกที่ไม่มีละครของ ธีรเดช ฉายทางช่อง 3 รวมทั้งมีข่าวว่าเขาขอถอนตัวจากบทในละครซีรีส์ชุดเลือดมังกร ทำให้เกิดข่าวลือว่าธีรเดชตั้งใจออกจากวงการซึ่งเขาออกมาปฏิเสธและแจงว่าจำเป็นต้องถอนตัวเพื่อไปดูแลคุณพ่อที่กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย[15] ภายหลังคุณพ่อถึงแก่กรรม ธีรเดชกลับมาทำงานอีกครั้ง[16] ปลายปี อันโกะ กลรักสตรอว์เบอร์รี่ ออกอากาศทางช่อง BayonTV ประเทศกัมพูชา

ปีพ.ศ. 2558 หลังจากห่างหายจากโทรทัศน์ไป 1 ปีกว่า ธีรเดชกลับมาอีกครั้งกับบทบาทสุดท้าทายความสามารถที่ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งแฟนละครและสื่อมวลชนกับบท "เฮียกระทิง" ในละครโรแมนติกดราม่าบู๊เข้มข้น ซีรีส์ เลือดมังกร ตอน กระทิง ของค่ายแอ็คอาร์ทเจนเนอเรชั่น คู่กับนางเอกมากฝีมือ เข็มอัปสร สิริสุขะ จากบทบาทครั้งนี้ทั้งคู่ได้รับการยกย่องให้เป็น คู่ขวัญสุดยอดฝีมือการแสดง[17] หนังสือพิมพ์ไทยรัฐกล่าวไว้ว่า "ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ในบทบาทของ "ชลธี" และ "ธาม" ถือเป็นการแบกภาระที่สุดแสนหนักอึ้ง..." ทั้งยังกล่าวยกย่องว่าเป็น "ปรมาจารย์นักแสดง ที่เล่นแบบถอดถากกระชากวิญญาณออกมาฟาดฟันตอกกระหน่ำหัวใจจันทร์ชมพู (นางเอก) และคนดูได้อย่างสาหัสสากรรจ์!"[18]

ละครของ ธีรเดช ยังคงถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พ.ค.2558 มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายทางช่อง BayonTV ประเทศกัมพูชา โดยได้ออกอากาศแบบ HD 16:9 ก.ค. 2558 ช่อง SCTV ของประเทศเวียดนาม นำละครเรื่อง ใจร้าว ไปออกอากาศ[19] ตามด้วยช่อง TodayTV ประเทศเวียดนาม ก็ได้นำละครเรื่อง สูตรเสน่หา ไปออกอากาศด้วย[20]

ปี 2560 หลังจากหายหน้าไป 1 ปีเต็ม ๆ ธีรเดช กลับมาอีกครั้งในละครซีรีส์ The Cupids บริษัทรักอุตลุด ซึ่งประกอบด้วยเรื่องย่อย 8 เรื่อง ซึ่งเขามีบทบาทตลอด โดยเรื่องหลักของธีรเดชคือ กามเทพปราบมาร คู่กับ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ปี 2562 มีผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก รักมั้ยลุง รับบทชัย หนุ่มวัย 40 ที่บ้างาน แสดงคู่กับ มนสภรณ์ ชาญเฉลิม[21]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ธีรเดช_วงศ์พัวพันธ์ http://tieba.baidu.com/p/2679589176 http://thejakartaglobe.beritasatu.com/archive/indo... http://0863000305.blogspot.com/2011/09/9-tg.html http://www.daradaily.com/news/48175/read/ http://www.imdb.com/name/nm0939437/ http://www.instagram.com/kun_jun/ http://hilight.kapook.com/view/46052 http://hilight.kapook.com/view/54863 http://www.kentheeradej.com/ http://www.moviexclusive.com/review/bangkoktraffic...