การเล่นฟุตบอล ของ ธีรเทพ_วิโนทัย

เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 8 ปี ขณะเรียนอยู่ชั้น ป.3 และมี อาจารย์ทองแดง หรุ่นขำ เป็นผู้สอนฟุตบอลท่านแรก ลงแข่งขันฟุตบอลนักเรียนของกองทัพอากาศ เป็นรายการแรก และได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 โดยต่อมา ได้นำทีมคว้าแชมป์ นอร์เวย์คัพ 3 สมัยซ้อน

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 ได้เซ็นสัญญากับทีมชุดเยาวชนสโมสรฟุตบอลคริสตัลพาเลซ ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 เซ็นสัญญากับทีมชุดเยาวชนสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เป็นนักฟุตบอลเยาวชน 1 ใน 3 คน ที่ได้ร่วมโครงการ "ช้างไทยไปเอฟเวอร์ตัน"

นอกจากนี้ ลีซอยังเป็นนายแบบโฆษณาโทรศัพท์มือถือ วัน-ทู-คอล!, เป๊ปซี่, ไนกี้ และยาสีฟันใกล้ชิด

สโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน (1)

ในปี พ.ศ. 2549 ลีซอร่วมทีมฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับทีมสโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน ลีซอยิงประตูแรกให้ทีมได้ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกโดยเปิดบ้านเอาชนะทีมสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี 5-0 เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2549 จากนั้นก็เป็นกำลังสำคัญของทีมเรื่อยมา และยิงในลีกได้ 10 ประตูหลังจบฤดูกาล 2550 (ฤดูกาล 2549-2550)

ในปี พ.ศ. 2551 ลีซอโชว์ฟอร์มโดดเด่นอย่างมากทั้งในทีมชาติและสโมสร โดยยิงประตูในลีกได้ 12 ประตูในฤดูกาลเดียว (ฤดูกาล 2551) ทำให้ทีมสโมสรฟุตบอลเคลีร์เซ จากเบลเยียม แสดงความสนใจในการคว้าตัวไปร่วมทีม

เลียร์เซอ

ในปี พ.ศ. 2551 ลีซอได้เซ็นสัญญาร่วมทีมเลียร์เซอ จากลีกดิวิชัน 2 ของประเทศเบลเยี่ยมแบบไม่มีค่าตัว เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง เป็นนักเตะไทยคนที่ 2 ที่ได้เล่นในลีกเบลเยี่ยมต่อจากเอกชัย โพนทองถิ่น ที่เคยเล่นกับทีมลียง ซันจี ลุด ทีมระดับดิวิชัน 3 ระหว่างปี พ.ศ. 2535–2537

ในปี พ.ศ. 2552 หลังย้ายมาเล่นในลีกเบลเยี่ยมลีซอยิงประตูแรกและประตูเดียวให้ทีมได้ในเกมส์ลีกโดยเปิดบ้านเอาชนะ โอลิมปิก ชาร์เลอรัว 3–1 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2552 และวันที่ 21 กรกฎาคม 2552 ลีซอตัดสินใจย้ายกลับประเทศไทยมาร่วมทีมสโมสรฟุตบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ก่อนปิดตลาดซื้อ-ขาย นักเตะเพียง 5 นาที หลังจากที่เขามีโอกาสได้ลงตัวจริงให้ เคลีร์เซ น้อยมาก โดยเป็นสัญญายืมตัว 1 ปีในราคา 2 ล้านบาทเศษ

สโมสรฟุตบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด

ในปี พ.ศ. 2552 ลีซอยิงประตูแรกในการลงสนามนัดแรกให้ทีมได้ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกโดยเปิดบ้านเอาชนะทีมสโมสรฟุตบอลทีโอที 3-0 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2552 โดยเขาเป็นคนยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 และยิงในลีกได้ 2 ประตูหลังจบฤดูกาล 2552

ในปี พ.ศ. 2553 ลีซอลงสนามและยิงประตูให้กับทีมได้ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีก 2 ประตู, ไทยเอฟเอคัพ 2 ประตู, และเอเอฟซีคัพ 2 ประตู แต่ในเลกสองลีซอตัดสินใจย้ายกลับมาร่วมทีมสโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน หลังจากที่เขามีโอกาสได้ลงตัวจริงให้ทีมเมืองทองฯ ยูไนเต็ดน้อยมาก โดยนัดสุดท้ายที่ลงเล่นให้ทีมสโมสรฟุตบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด เขาเป็นตัวสำรองและลงสนามใน 10 นาทีสุดท้าย และยิงประตูชัยให้ทีมในนาทีที่ 85 ทำให้เอาชนะทีมสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย 1-0

สโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน (2)

ในปี พ.ศ. 2553 ลีซอกลับมาเล่นให้ทีมสโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสนอีกครั้ง และยิงในลีกได้ 5 ประตูหลังจบฤดูกาล 2553 (สโมสรฟุตบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด 2 ประตู, สโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน 3 ประตู)

ในปี พ.ศ. 2554 ลีซอได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมสโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน ในตอนแรกพาทีมที่ตกไปอันดับที่ 9 ในฤดูกาลที่แล้ว กลับมาทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้ โดยขึ้นไปสูงสุดอันดับที่ 2 ของตาราง ยิงในลีกไปถึง 3 ประตู แต่ต้องมาประสบปัญหาบาดเจ็บกระดูกหน้าแข้งซ้ายร้าวจนต้องหยุดพักไปหลายนัดในฤดูกาลนี้ และยิงในลีกได้ 6 ประตูหลังจบฤดูกาล 2554

แฟนๆสโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน เรียกเขาว่า เจ้าชายมังกรไฟ

สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส

ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ลีซอได้เข้าเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลให้กับสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส เขาทำประตูแรกของเขากับสโมสรบางกองกล๊าสได้เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555 ในนัดที่บางกอกกล๊าสพบกับสโมสรฟุตบอลวัวชน ยูไนเต็ด ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งบางกอกกล๊าสเอาชนะไปได้ 2-0 ที่สนาม ลีโอ สเตเดียม [1] และในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2555 ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีกลีซอสามารถทำประตูได้ในนัดที่บางกองกล๊าสบุกไปชนะ สโมสรฟุตบอลวัวชน ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 1-5[2]

ในปี พ.ศ. 2556 ลีซอได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส