นางบำเรอ (
อังกฤษ: comfort woman;
ญี่ปุ่น: 慰安婦
โรมาจิ:
ianfu) เป็นคำเรียกสตรีในดินแดนที่
กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองได้ก่อน
สงครามโลกครั้งที่สองและในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นบังคับให้เป็น
ทาสทางเพศ (sexual slave)
[1][2][3] แม้สิ้นสงครามแล้ว การใช้คำว่า "นางบำเรอ" เรียกสตรีดังกล่าวต่อไป ก็เป็นที่โต้แย้งและคัดค้านกันมาตลอด โดยเฉพาะจากสตรีเหล่านั้นเองและจากประเทศของสตรีเหล่านั้น เพราะแท้จริงแล้วสถานะของพวกเธอมิใช่เพื่อ "บำเรอ" แต่เป็น "ทาสทางเพศ"
[4]คำว่า "นางบำเรอ" แปลจากคำว่า "อิอันฟุ" ในภาษาญี่ปุ่น
[5] ซึ่งใช้เรียก "โสเภณี" เพื่อให้ฟังดูนุ่มนวลขึ้น
[6]จำนวนสตรีที่ถูกจับเป็นนางบำเรอ มีประเมินไว้ต่างกันไป เช่น
อิกูฮิโกะ ฮาตะ (Ikuhiko Hata) นักประวัติศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ประเมินไว้ต่ำมากว่า มีสัก 20,000 คน
[7] ส่วนนักวิชาการชาวจีนคนหนึ่งว่า สูงถึง 360,000–410,000 คน
[8] แต่ตัวเลขที่แน่นอนก็ยังเป็นที่ค้นคว้าและถกเถียงกันอยู่
[9] สตรีส่วนใหญ่มาจากประเทศที่ญี่ปุ่นยึดครองได้ เช่น
เกาหลี,
จีน, และ
ฟิลิปปินส์[10] นอกจากนี้ ปรากฏว่า "สำนักบำเรอ" (comfort station) ของทหารญี่ปุ่นใน
ญี่ปุ่นเอง รวมถึงในจีน,
ไทย,
นิวกินี,
พม่า, ฟิลิปปินส์,
มาเก๊า,
มาเลเซีย,
อินโดจีน,
อินโดนีเซีย, และ
ฮ่องกง[11] มีการใช้สตรีจาก
ติมอร์,
ไต้หวัน, ไทย, นิวกินี, พม่า, มาเลเซีย,
แมนจู,
อินเดียตะวันออก, อินโดจีน, และดินแดนอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นยึดครองได้
[12][13][14] สตรีกลุ่มเล็ก ๆ บางกลุ่มก็มาจากยุโรป เช่น จาก
เนเธอร์แลนด์และ
ออสเตรเลีย[15] เฉพาะสตรีที่เป็น
ชาวดัชต์ ประเมินไว้ที่ 200–400 คน
[16]ตามปากคำของหลายบุคคล สตรีข้างต้นลักพามาจากบ้านในดินแดนที่ญี่ปุ่นยึดครองได้ และมีหลายกรณีที่สตรีถูกล่อลวงมาโดยสัญญาว่า จะพาไปทำงานในโรงานหรือร้านอาหาร หรือจะพาไปให้การศึกษาเล่าเรียนอย่างสูง แต่เมื่อได้ตัวมาแล้ว ก็ขังไว้ในสำนักบำเรอทั้งในประเทศบ้านเกิดของพวกเธอเองและต่างประเทศ
[17]