ลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ของ บริเตนสมัยโรมัน

การติดต่อสมัยแรก

ดูบทความหลักที่: ซีซาร์รุกรานบริเตน

บริเตนเป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในสมัยกรีกโบราณ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราชเป็นต้นมากรีก, ฟินิเชีย และคาร์เธจก็มีการติดต่อค้าขายกับดีบุกกับคอร์นวอลล์:[1] ชาวกรีกเรียกบริเตนว่า “คาสซิเทอไรด์ส” (Cassiterides) หรือหมู่เกาะดีบุกและบรรยายว่าตั้งอยู่ราวทางฝั่งทะเลตะวันตกของยุโรป[2] กล่าวกันว่านักเดินเรือชาวคาร์เทจฮิมิลิโคได้เดินทางมายังเกาะอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช และนักสำรวจชาวกรีกไพเธียส (Pytheas) ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช แต่ถือกันว่าเป็นดินแดนที่ลึกลับและบ้างก็ไม่เชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีอยู่จริง[3]

การติดต่อกับโรมันโดยตรงเป็นการเดินทางมาสำรวจโดยจูเลียส ซีซาร์สองครั้งในปี 55 และอีกครั้งในปี 54 ก่อนคริสต์ศักราชซึ่งเป็นการเดินทางที่เลยมาหลังจากได้รับชัยชนะต่อกอล เพราะซีซาร์เชื่อว่าชาวบริเตนให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต่อต้านชาวกอล การเดินทางมาสำรวจครั้งแรกเป็นการมาลาดตระเวณมากกว่าที่จะเป็นการรุกรานเต็มตัวโดยมาขึ้นฝั่งที่เค้นท์ แต่มาถูกพายุทำลายเรือไปบ้างและขาดทหารม้าทำให้ไม่สามารถไปได้ไกลกว่านั้น การสำรวจครั้งแรกเป็นความล้มเหลวทางทหารแต่เป็นความสำเร็จทางการเมือง ที่สภาเซเนตโรมัน (Roman Senate) ประกาศหยุดราชการ 20 วันเพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จในการพบดินแดนใหม่ที่ไม่มีสิ่งใดเท่าเทียม[4]

การเดินทางมาครั้งที่สองเป็นการเดินทางมารุกราน ซีซาร์นำกองทหารมาเป็นจำนวนมากกว่าเดิม และได้ชวนเชิญชนเผ่าเคลติคหลายเผ่ามาเกลี้ยกล่อมให้มอบบรรณาการให้แก่โรมเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการคืนตัวประกันเพื่อความสงบ โรมันแต่งตั้งประมุขของเผ่าหนึ่งที่มาเป็นฝักฝ่ายกับโรมมานดูบราเซียส (Mandubracius) ให้เป็นผู้ปกครองและกำจัดคาสสิเวลลอนัส (Cassivellaunus) ผู้เป็นศัตรูของมานดูบราเซียส โรมันจับตัวประกันไปแต่นักประวัติศาสตร์ตกลงกันไม่ได้ว่าชาวบริเตนตกลงจ่ายบรรณาการหลังจากที่ซีซาร์กลับไปกอลพร้อมกับกองทัพหรือไม่[5]

การรุกรานครั้งนี้ซีซาร์ไม่ได้อาณาบริเวณใดใดกลับไปด้วยและก็มิได้ทิ้งกองทหารไว้ดูแลแต่ได้ก่อตั้ง “Cliens” ในบริเตนซึ่งทำให้เกาะอังกฤษกลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลในทางการเมืองจากโรม ในปี 34, 27 และ 25 ก่อนคริสต์ศักราชออกัสตัส ซีซาร์วางแผนที่จะมารุกรานอังกฤษแต่สถานะการณ์ไม่อำนวย[6] ความสัมพันธ์ระหว่างบริเตนกับโรมจึงเป็นแต่เพียงความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้าขาย สตราโบนักประวัติศาสตร์/ภูมิศาสตร์/ปรัชญาชาวกรีกบันทึกไว้ในปลายสมัยออกัสตัส ซีซาร์ว่ารายได้จากภาษีและการค้ากับบริเตนเป็นรายได้ที่มากกว่ารายได้ที่ได้จากการได้รับชัยชนะอื่นๆ ของโรมัน[7] ซึ่งสนับสนุนได้จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบสินค้าฟุ่มเฟือยทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษที่เพิ่มมากขึ้น[8] นอกจากนั้นสตราโบก็ยังกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษผู้ส่งทูตไปยังสำนักของออกัสตัส และบันทึกของออกัสตัสเอง “Res Gestae Divi Augusti” ที่กล่าวถึงกษัตริย์สองพระองค์ที่ออกัสตัสได้รับในฐานะผู้ลี้ภัย[9] ต่อมาใน ค.ศ. 16 เมื่อเรือบางลำของไทบีเรียสถูกพัดไปยังเกาะอังกฤษโดยพายุระหว่างการรณรงค์ในเจอร์มาเนียทหารโรมันก็ถูกส่งตัวกลับโดยผู้นำในท้องถิ่นในบริเตน ที่กลับไปเล่ากันถึงตำนานยักษ์ร้ายต่างๆ ที่พบที่นั่น[10]

โรมดูจะสนับสนุนการสร้างความสมดุลทางอำนาจทางใต้ของบริเตนโดยสนับสนุนราชอาณาจักรสองราชอาณาจักรที่มีอำนาจ คาทูเวลลอนิ (Catuvellauni) ที่ปกครองโดยผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากทาสซิโอวานัส (Tasciovanus) และอาเทรบาทีส (Atrebates) ที่ปกครองโดยผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากคอมเมียส (Commius)[11] นโยบายนี้ปฏิบัติติดต่อกันมาจนปี ค.ศ. 39 หรือ 40 เมื่อคาลิกูลา (Caligula) รับผู้ลี้ภัยจากคาทูเวลลอนิและวางแผนการรุกรานเกาะอังกฤษที่แตกแยกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย[12] เมื่อคลอเดียสรุกรานอังกฤษสำเร็จในปี ค.ศ. 43 โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้ปกครองบริเตนคนหนึ่ง--เวอร์ติคาแห่งอาเทรบาทีส

การรุกรานของโรมัน

แผนที่จักรวรรดิโรมันระหว่าง ค.ศ. 60 ถึง ค.ศ. 400 แสดงจักรวรรดิ “บริทานเนีย” (บริทานยา) ที่รวมทั้งอังกฤษและเวลส์
ดูบทความหลักที่: การรุกรานบริเตนโดยโรมัน

กองทัพที่นำมารุกรานอังกฤษใน ค.ศ. 43 นำโดยออลัส พลอเทียส (Aulus Plautius)[13] แต่ไม่เป็นที่ทราบว่าโรมันส่งกองกำลังมาเป็นจำนวนเท่าใด นอกไปจาก “กองออกัสตาที่ 2” (Legio II Augusta) ที่นำโดยเวสเปเชียน (Vespasian) ผู้ต่อมาเป็นจักรพรรดิแห่งโรมที่กล่าวว่ามีส่วนร่วม[14] ส่วน “กองฮิสปานยาที่ 9” (Legio IX Hispana),[15]กองเจมินาที่ 14” (Legio XIIII Gemina) และ “กองวาเลเรียเวทริกซ์ที่ 20” (Legio XX Valeria Victrix)[16] มีส่วนร่วมในปี ค.ศ. 60/61 ระหว่างการปฏิวัติบูดิคา (Boudica) ซึ่งอาจจะเป็นกองที่ประจำอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่การรุกรานครั้งแรก แต่โดยทั่วไปแล้วกองทัพโรมันเป็นกองทัพที่มีความยืดหยุ่นในการโยกย้ายกองกำลังต่างๆ ไปยังที่ต่างๆ ในเวลาใดก็ได้แล้วแต่ความจำเป็น ซึ่งทำให้เป็นการยากที่จะสันนิษฐานโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุนว่ากองใดแน่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ที่แน่ก็มีแต่ “กองฮิสปานยาที่ 9” (Legio IX Hispana) เท่านั้นที่ประจำการอยู่ในบริเตนจนถูกกำจัดโดยสกอต

การรุกรานมาช้าลงเพราะการแข็งข้อภายในของทหารจนเมื่อได้รับสัญญาว่าจะได้รับเสรีภาพถ้ายอมข้ามทะเลไปต่อสู้ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย การข้ามแบ่งเป็นสามหน่วยที่อาจจะขึ้นฝั่งที่ริชบะระห์ (Richborough) ในเค้นท์ แต่บางหลักฐานก็กล่าวว่าบางส่วนขึ้นทางฝั่งทะเลด้านใต้ในบริเวณฟิชบอร์นในเวสต์ซัสเซ็กซ์[17]

โรมันได้รับชัยชนะต่อคาทูเวลลอนิและพันธมิตรในยุทธการสองยุทธการๆ แรกยุทธการเม็ดเวย์ (Battle of the Medway) และยุทธการที่สองที่แม่น้ำเทมส์ โทโกดูมัส (Togodumnus) ผู้นำของคาทูเวลลอนิถูกสังหารแต่น้องชายคารัททาคัส (Caratacus) รอดมาต่อต้านที่อื่นต่อไป พลอเทียสหยุดยั้งอยู่ที่แม่น้ำเทมส์และส่งข่าวไปยังคลอเดียสผู้ตามมาพร้อมกับกองกำลังสนับสนุนที่รวมทั้งอาวุธและช้างเพื่อที่จะเดินทัพไปยังที่มั่นสุดท้ายที่เมืองหลวงคามุโลดูนัม (Camulodunum) (โคลเชสเตอร์ ในปัจจุบัน) เวสเปเชียนจึงปราบปรามทางตะวันตกเฉียงใต้ของบริเตนได้[18] หลังจากนั้นโรมก็แต่งตั้งให้ ไทบีเรียส คลอเดียส โคกิดูบนัส (Tiberius Claudius Cogidubnus) ผู้เป็นพันธมิตรกับโรมเป็นผู้ปกครองอาณาบริเวณหลายอาณาบริเวณ[19] และภายนอกบริเวณที่ปกครองโดยโรมันโดยตรงก็มีการลงนามในสนธิสัญญากับกลุ่มต่างๆ

ใกล้เคียง

บริเตนใหญ่ บริเตนสมัยโรมัน บริเตนยุคสัมริด บริเตน ดัลตัน บริเตนยุคก่อนประวัติศาสตร์ บริเตนนิกา บริเตน บริเตน แอนด์ ไอร์แลนด์ เน็กซ์ ท็อป โมเดล บริตนีย์ สเปียส์ บริติชราช

แหล่งที่มา

WikiPedia: บริเตนสมัยโรมัน http://www.perseus.tufts.edu/cgi-bin/ptext?lookup=... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/... http://penelope.uchicago.edu/Thayer/E/Roman/Texts/...