บารอนเนสเอลิซาเบธแห่งวันเกนไฮม์-วินเทอร์สไตน์ ได้เข้าพิธีเสกสมรสกับ คาร์ล เอากุสท์ แกรนด์ดยุกรัชทายาทแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค (ค.ศ. 1912–1988) เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2487 รับพระราชทานพระอิสริยยศ เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค พระชายา พร้อมฐานันดร รอยัลไฮเนส มีพระบุตรดังนี้

1. เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค
2. ไมเคิล เจ้าชายแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค
3. เจ้าหญิงเบียทริซ-มาเรียแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค

การปฏิวัติเยอรมัน ค.ศ. 1918–1919 ทำให้พระสวามีของพระองค์และพระราชวงศ์ในเยอรมันหลายสาขาถูกปลดออกจาพระอิสริยยศ พระสวามีของพระองค์ ดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายรัชทายาทแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค ตราบจนสิ้นพระชนม์ โดยไม่เคยดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายพระประมุขเลย จนกระทั่ง ไมเคิล เจ้าชายแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค พระโอรสนั้นได้สืบพระอิสริยยศนี้ ซึ่งในเยอรมันนั้นได้เลิกลดค่าความต่างของราชวงศ์ลง พระประมุขต่างๆสามารถกลับมามีอิทธิพลและปกครองอาณาจักรของตนได้ ทำให้พระโอรสได้กลายป็นหัวหน้าราชวงศ์ได้ถูกต้องตามกฎหมาย บารอนเนสเอลิซาเบธแห่งวันเกนไฮม์-วินเทอร์สไตน์ ไดม่เคยได้ดำรงพระอิสริยยศเป็นพระชายาในเจ้าชายพระประมุข หากแต่ดำรงพระอิสริยยศเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทเฉกเช่นพระสวามี

บารอนเนสเอลิซาเบธแห่งวันเกนไฮม์-วินเทอร์สไตน์ และพระสวามีได้ตัดสินพระทัยแยกกันอยู่ แต่หากมิทรงหย่ากัน ซึ่งขณะนั้น พระบุตรทั้ง 3 ได้เสกสมรสและมีพระนัดดาแล้ว การที่พระองค์และพระสวามีทรงกระทำเช่นนี้ ไม่ส่งผลต่อสภาพพระทัยของพระบุตรมากนัก บารอนเนสเอลิซาเบธแห่งวันเกนไฮม์-วินเทอร์สไตน์ ได้กลับมาพำนักในคฤหาสน์ของครอบครัวพระองค์ ณ มิวนิก โดยมีเจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอซอนัค พระธิดาพระองค์ใหญ่ เสด็จมาเยีย่มพระอาการและพำนักในระยะเลาหนึ่ง และเจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค ยังเป็นผู้ที่คอยดูแลและเชิญเสด็จไปประทับรักษาพระอาการ หากประชวร ทั้งนี้ ไมเคิล เจ้าชายแห่งซัคเซิน-ไวมาร์-ไอเซอนัค พระโอรสนั้น ทรงเรียกพระมารดาว่า นักสู้ เนื่องจาก บารอนเนสเอลิซาเบธแห่งวันเกนไฮม์-วินเทอร์สไตน์ ทรงประสบอุบัติเหตุมากมายหลายครั้ง ทั้งหนักและเบา หากแต่ทรงหายจากพระอาการบาดเจ็บ

บารอนเนสเอลิซาเบธแห่งวันเกนไฮม์-วินเทอร์สไตน์ สิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2553 สิริพระชันษา 98 ปี พระบุตรทั้ง 3 ต่างลงมติให้เชิญพระศพของ บารอนเนสเอลิซาเบธแห่งวันเกนไฮม์-วินเทอร์สไตน์ ไปประดิษฐานที่ปราสาทวาลเบิร์ก เนื่องจากพระองค์ทรงงมีความหลงใหล และชื่นชอบเป็นพิเศษ พระบุตรจึงอยากให้ที่นี้ เป็นสถานที่ฝังพระศพของพระมารดาในช่วงเวลาสุดท้าย