พระชนม์ชีพ ของ บึเร็งการียาแห่งโปรตุเกส

เจ้าหญิงบึเร็งการียาเป็นบุตรพระองค์ที่ 10 จากทั้งหมด 11 พระองค์ของพระเจ้าซังชูที่ 1 แห่งโปรตุเกสกับด็อลซาแห่งอารากอน ขณะทรงมีพระชนมายุ 14 พรรษาใน ค.ศ. 1212 เจ้าหญิงบึเร็งการียาทรงกำพร้าเนื่องจากพระราชชนกสวรรคตใน ค.ศ. 1212 ส่วนพระราชชนนีสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ ค.ศ. 1198 ตามพงศาวดารและเพลงบัลลาดมากมายบันทึกนามของพระนางไว้ว่า บรินเกนิเล (Bringenilæ) เบ็นเกิร์ด (Bengerd) เบ็งเจิร์ด (Bengjerd)

อภิเษกสมรส

กษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์กทรงได้รับการแนะนำตัวเจ้าหญิงบึเร็งการียาผ่านพระขนิษฐาของพระองค์คือ เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์กแห่งเดนมาร์ก ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชินีฝรั่งเศสจากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าฟีลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพระญาติด้วย ในขณะนั้น เจ้าหญิงบึเร็งการียาอยู่ในราชสำนักฝรั่งเศส ทรงเสด็จออกจากโปรตุเกสมาพร้อมกับพระเชษฐาคือ เจ้าชายฟือร์นังดูใน ค.ศ. 1212

มีเพลงพื้นเมืองบัลลาดเก่าแก่กล่าวถึงช่วงที่สมเด็จพระราชินีดักมาร์แห่งเดนมาร์กกำลังจะสิ้นพระชนม์ว่า พระนางทรงขอให้กษัตริย์วัลเดมาร์เสกสมรสกับเคิร์ชเทน บุตรีของคาร์ล ฟอน รีซ และไม่ให้เสกสมรสกับ "ดอกไม้งาม" อย่างบึเร็งการียาแห่งโปรตุเกส (เบ็นเกิร์ด) เพราะพระนางทรงทำนายว่าเหล่าโอรสที่เกิดกับบึเร็งการียาแห่งโปรตุเกสจะต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์กัน ซึ่งเป็นเพียงตำนานโดยไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวนี่

สมเด็จพระราชินี

พระมเหสีพระองค์แรกของกษัตริย์วัลเดมาร์ คือ ดักมาร์แห่งโบฮีเมีย เป็นพระราชินีที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทรงมีพระเกศาสีบลอนด์งามตามแบบฉบับของชาวนอร์ดิก ส่วนสมเด็จพระราชินีบึเร็งการียาทรงแตกต่างอย่างมาก พระนางมีพระเนตรสีดำ พระเกศางามสีดำขลับ

ชาวเดนส์แต่งเพลงพื้นบ้านเกี่ยวกับพระราชินีบึเร็งการียาและตำหนิพระนางในเรื่องการเก็บภาษีในอัตราสูงของกษัตริย์วัลเดมาร์ แม้ว่าความจริงแล้วจะเป็นภาษีการสงครามของกษัตริย์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระราชินีโดยตรง ความนิยมในอดีตพระราชินีที่มีอยู่สูงมาก ทำให้พระราชินีพระองค์ใหม่ไม่ได้รับความนิยมในเดนมาร์ก พระนางได้รับการกล่าวขานว่าทรงบริจาคพระราชทรัพย์แก่โบสถ์และคอนแวนต์ พระนางบึเร็งการียาเป็นสมเด็จพระราชินีพระองค์แรกที่ได้รับการสวมมงกุฎ ซึ่งมีการกล่าวไว้ในบันทึกรายการทรัพย์สินของพระนาง (ค.ศ. 1225)

ใน ค.ศ. 1221 หลังจากที่สมเด็จพระราชินีบึเร็งการียาทรงมีพระประสูติกาลพระโอรสสามพระองค์ที่จะได้เป็นกษัตริย์ในอนาคต และพระธิดาหนึ่งพระองค์ พระนางได้สิ้นพระชนม์ขณะมีพระประสูติกาล พระศพของสมเด็จพระราชินีบึเร็งการียาถูกฝังที่โบสถ์นักบุญเบ็นท์ในริงสเต็ด เคียงข้างพระบรมศพกษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 2 และอีกข้างของกษัตริย์คือ พระศพของสมเด็จพระราชินีดักมาร์

พระโอรสธิดา

 พระนามประสูติสิ้นพระชนม์คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา
พระเจ้าอีริคที่ 4 แห่งเดนมาร์กราว ค.ศ. 121610 สิงหาคม ค.ศ. 1250[3]อภิเษกสมรส 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1239 กับ
จัตตาแห่งแซกโซนี
มีพระโอรสธิดา 6 พระองค์ ได้แก่
เจ้าหญิงโซเฟีย สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน
เจ้าชายคนุด
เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์ก สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์
เจ้าหญิงจัตตา
เจ้าชายคริสตอฟ
เจ้าหญิงอักเนส
-เจ้าหญิงโซฟี มาร์เกรฟวีนแห่งบรันเดนบูร์กค.ศ. 1217ค.ศ. 1247[3]อภิเษกสมรส ค.ศ. 1230 กับ
โยฮันที่ 1 มาร์เกรฟแห่งบรันเดนบูร์ก
มีพระโอรสธิดา 6 พระองค์ ได้แก่
โยฮันที่ 2 มาร์เกรฟแห่งบรันเดนบูร์ก-สเตนดัล
อ็อทโทที่ 4 มาร์เกรฟแห่งบรันเดนบูร์ก-สเตนดัล
ค็อนราด มาร์เกรฟแห่งบรันเดนบูร์ก-สเตนดัล
อีริคแห่งบรันเดนบูร์ก
เฮเลนเนอแห่งบรันเดนบูร์ก
เฮอร์มานน์แห่งบรันเดนบูร์ก
พระเจ้าอเบลแห่งเดนมาร์กค.ศ. 121829 มิถุนายน ค.ศ. 1252[3]อภิเษกสมรส 25 เมษายน ค.ศ. 1237 กับ
เมิร์ชทิลด์แห่งฮ็อลชไตน์
มีพระโอรสธิดา 4 พระองค์ ได้แก่
วัลเดมาร์ที่ 3 ดยุกแห่งชเลสวิก
เจ้าหญิงโซฟี
อีริคที่ 1 ดยุกแห่งชเลสวิก
อเบล ลอร์ดแห่งแลงก์ลันด์
พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์กค.ศ. 121929 พฤษภาคม ค.ศ. 1259[3]อภิเษกสมรส ค.ศ. 1248 กับ
มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย
มีพระโอรสธิดา 3 พระองค์ ได้แก่
เจ้าหญิงเมิร์ชทิลด์
เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ
พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก
-บุตรตายคลอดค.ศ. 1221ค.ศ. 1221สิ้นพระชนม์เมื่อประสูติ