เนื้อหา ของ บุญชู

ภาค 1-5 : ช่วงศึกษา

เรื่องราวของ "บุญชู" เริ่มขึ้นเมื่อ บุญชู บ้านโข้ง (สันติสุข พรหมศิริ) หนุ่มสุพรรณฯ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับ บัวลอย (กัญญาลักษ์ บำรุงรักษ์) หลานสาวซึ่งเป็นลูกสาวของ บุญช่วย (นิรุตติ์ ศิริจรรยา ในภาคแรกก่อนจะเปลี่ยนเป็น สุเทพ ประยูรพิทักษ์ ในภาค 2) พี่ชายของเขาเพื่อเรียนกวดวิชาและสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยได้พบกับเพื่อนใหม่จากต่างถิ่น และ โมลี (จินตหรา สุขพัฒน์) สาวน้อยผู้น่ารัก จนเมื่อผลสอบเข้าไม่ผ่าน บุญชูจึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด และกลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งโดยช่วยงานที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นจึงขอสอบใหม่อีกครั้ง ผลปรากฏว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยในช่วงกำลังศึกษา บุญชูเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนๆ ร่วมสถาบัน เคยสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานนักศึกษาแต่ก็ไม่ได้รับเลือก จนกระทั่งสำเร็จการศึกษา

ภาค 6-8 : ช่วงทำงาน

โมลีต้องการให้บุญชูทำงานในกรุงเทพฯ แต่บุญชูทนไม่ไหวกับสภาพความหนาแน่นของผู้คนที่พากันแย่งก็เลยตัดสินใจกลับบ้านเกิด โดยไปเป็นพ่อค้าขายข้าว ต่อมา บุญล้อม (จุรี โอศิริ) แม่ของบุญชูได้ยกบ้านริมน้ำให้เป็นเรือนหอกับโมลี แต่ มานี (ญาณี จงวิสุทธิ์ ในภาค 1-2 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นปรารถนา สัชฌุกร ในภาค 5) พี่สาวของเธอไม่ตกลงโดยยื่นคำขาดให้กำจัดน้ำเน่าเสียในคลองหน้าบ้านให้เป็นน้ำสะอาด มานีเห็นใจในความพยายาม จึงตัดสินใจให้โมลีแต่งงานกับบุญชู และอยู่ด้วยกันที่บ้านริมน้ำหลังนั้น จนได้ให้กำเนิดลูกชายคือ บุญโชค [7]

ภาค 9-10 : ช่วงแห่งความเป็นพ่อ

เกือบยี่สิบปีให้หลัง บุญโชค ลูกชายของบุญชูและโมลี โตเป็นหนุ่มแต่อยู่ในช่วงแห่งการศึกษาพระธรรม ขณะที่คุณพ่อซึ่งอาศัยอยู่ร้านขายของชำในจังหวัดบ้านเกิดก็ตั้งใจจะให้ลูกบวชไปเรื่อยๆ จนเป็นพระ แต่คุณแม่อยากให้เข้าเรียนและใช้ชีวิตปกติมากกว่า บุญโชคจึงแอบสึกเณรเข้ากรุงเทพฯ โดยไม่บอกพ่อ เพื่อฝากให้กลุ่มเพื่อนเก่าของพ่อช่วยดูแล จนบุญโชคสามารถสอบเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาแต่ผลก็คือไม่ได้เข้าสอบ อันเนื่องมาจากความวุ่นวายนั้นเอง[8] จึงเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อพบพ่อแม่ และได้รับคำปลอบว่าจะเรียนอะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนดี เรื่องสอบยังไม่สาย บุญโชคจึงตั้งใจสอบใหม่อีกครั้งโดยมีความหวังคือเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อที่จะพบเพื่อนใหม่อย่างคาดไม่ถึง

ภาพยนตร์เรื่องบุญชู ไอ-เลิฟ-สระ-อู