ความในคัมภีร์ไบเบิล ของ บุตรหญิงของเศโลเฟหัด

ความในคัมภัร์ไบเบิลกล่าวถึงตัวเศโลเฟหัดเองเพียงเล็กน้อย โดยระบุว่าเขาเสียชีวิตขณะอายุ 40 ปีระหว่างที่ชาวอิสราเอลกำลังเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร และเป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อกบฏของโคราห์[2] กันดารวิถี 16 ไม่ได้ระบุว่าเผ่ามนัสเสห์มีส่วนร่วมในการก่อกบฏต่อโมเสส

เหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดร้องเรียนต่อโมเสส, ปุโรหิตเอเลอาซาร์, เหล่าผู้นำเผ่า และชุมนุมชนทั้งหมดที่ประตูของเต็นท์นัดพบในเรื่องสิทธิของพวกตนที่จะได้สืบทอดมรดกในดินแดนอิสราเอล[3] เหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดบอกว่าเศโลเฟหัดบิดาของพวกตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อกบฏของโคราห์ แต่เสียชีวิต "เพราะบาปของตน"[2] เหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดแย้งว่าหากตนไม่มีสิทธิ์ในมรดก ชื่อของเศโลเฟหัดก็สูญหายไปในกลุ่มของเขา[4] โมเสสนำเรื่องไปทูลพระเจ้า[5] พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่าคำร้องเรียนของเหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดนั้นถูกต้องแล้ว และพวกเธอควรได้สิทธิ์สืบทอดมรดกของบิดา[6]

ภายหลัง หัวหน้าสกุลของตระกูลกิเลอาด (หลานของมนัสเสห์) อุทธรณ์ต่อโมเสสและพวกผู้นำเผ่า แย้งว่าหากเหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดแต่งงานกับชายจากเผ่าอื่นของชาวอิสราเอล มรดกของพวกเธอก็จะถูกย้ายไปจากเผ่ามนัสเสห์ไปยังมรดกของเผ่าที่พวกเธอแต่งงานด้วย[7] โมเสสจึงบัญชาชาวอิสราเอลตามพระดำรัสของพระเจ้าว่าคำร้องเรียนของหัวหน้าสกุลนั้นถูกต้องแล้ว และว่าเหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดสามารถแต่งงานกับใครก็ได้ตามต้องการแต่ต้องเป็นชายจากเผ่ามนัสเสห์เท่านั้น[8]

5 และโมเสสบัญชาคนอิสราเอลตามพระดำรัสของพระยาห์เวห์ว่า "คนเผ่าโยเซฟพูดถูกต้องแล้ว 6 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาเกี่ยวกับบุตรหญิงของเศโลเฟหัด ซึ่งว่า 'จงให้พวกเธอแต่งงานกับใครก็ได้ที่เธอพอใจ เพียงแต่จะต้องแต่งงานกับคนภายในตระกูลของเผ่าแห่งบรรพบุรุษของเธอ 7 ดังนี้แหละส่วนมรดกของคนอิสราเอลจะไม่ถูกเปลี่ยนมือจากเผ่าหนึ่งไปให้อีกเผ่าหนึ่ง เพราะอิสราเอลแต่ละคนต้องปักหลักอยู่ในที่มรดกของเผ่าแห่งบรรพบุรุษของตน 8 และบุตรหญิงทุกคนผู้รับกรรมสิทธิ์ในมรดกในเผ่าใดของคนอิสราเอล ก็ให้แต่งงานกับคนใดคนหนึ่งจากตระกูลในเผ่าแห่งบรรพบุรุษบิดาของตน เพื่อคนอิสราเอลแต่ละคนจะถือกรรมสิทธิ์ในมรดกของบรรพบุรุษบิดาของเขา 9 ดังนั้นจะไม่มีมรดกที่ถูกเปลี่ยนจากเผ่าหนึ่งไปยังอีกเผ่าหนึ่ง เพราะอิสราเอลแต่ละเผ่าต้องปักหลักอยู่ในที่มรดกของตน' " 10 พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสอย่างไร บุตรหญิงทั้งหลายของเศโลเฟหัดก็ทำอย่างนั้น 11 และบรรดาบุตรหญิงของเศโลเฟหัดคือ มาลาห์ ทีรซาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และโนอาห์ต่างก็แต่งงานกับพวกบุตรชายของลุงของตน 12 พวกเธอแต่งงานกับคนจากตระกูลมนัสเสห์บุตรของโยเซฟ และส่วนมรดกของพวกเธอก็คงอยู่ในเผ่าของตระกูลแห่งบรรพบุรุษของเธอ[9]

เหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดทำตามที่พระเจ้าบัญชา ต่างแต่งงานกับบุตรชายของลุงของพวกตน[10] คือเป็นการสมรสระหว่างลูกพี่ลูกน้อง เมื่อชาวอิสราเอลเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา เหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดเข้าหาปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวา (ผู้ซึ่งเวลานั้นได้รับตำแหน่งผู้นำถัดจากโมเสส) และพวกผู้นำเผ่า ย้ำเรื่องที่พระเจ้ามีบัญชาให้โมเสสให้ส่วนแบ่งมรดกในหมู่ญาติพี่น้องของพวกเธอให้พวกเธอ และเหล่าบุตรหญิงของเศโลเฟหัดจึงได้รับส่วนแบ่งของชาวมนัสเสห์ซึ่งอาจอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน[11]

ใกล้เคียง