ยาเลื่อนประจำเดือน ของ ประจำเดือน

ประจำเดือนเป็นกลไกที่เกิดขึ้นเองทางธรรมชาติ แต่หลายๆ ครั้งก็ทำความยุ่งยากให้กับผู้หญิง โดยเฉพาะในการเดินทาง ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมต่างๆ จึงมีการใช้ Norethisterone ซึ่งเป็น ฮอร์โมน progesterone และมีการนำฮอร์โมนชนิดนี้มาใช้กำหนดวันมีประจำเดือน ซึ่งมีหลายบริษัทได้ผลิตยาชนิดนี้ออกมาเช่น Primolut-n®,steron®,sunolut® เพื่อช่วยในการเลื่อนประจำเดือนออกไป จากวันที่ประจำเดือนควรจะมา โดยกลไกการออกฤทธิ์ คือ norethisterone เป็นอนุพันธ์ของ progesterone ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการหนาตัวของเยื่อบุมดลูกระหว่าง luteal phase ของรอบเดือน เพื่อรองรับไข่ที่ถูกผสม ระดับฮอร์โมน progesterone จะสูงใน luteal phase แต่ถ้าไข่ไม่ถูกผสม ระดับ progesterone จึงลดต่ำลง เยื่อบุมดลูกที่หนาตัวจะสลายไปเป็นประจำเดือน

ดังนั้นการรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนจึงส่งผลให้ ระดับ progesterone สูง ในขณะที่รับประทานยาจึงทำให้ไม่มีรอบเดือนและทำให้มดลูกหนาตัวขึ้น เมื่อไข่ไม่ได้รับการผสม และหยุดรับประทานยาเลื่อนประเดือนจำเดือนให้ progesterone ลดต่ำลง เป็นผลให้เยื่อบุมดลูกที่หนาตัวหลุดลอกสลายไปเป็นประจำเดือน เข้าสู่ภาวะของรอบเดือน แต่การหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกนี้ ไม่สามารถนับรอบเดือนตามปรกติได้แน่นอน จึงไม่ควรใช้วิธีนับวันสำหรับเดือนต่อไป

วิธีรับประทานยาเลื่อนประจำเดือน

วิธีการรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนที่ถูกต้องคือ รับประทาน 1 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง ตามน้ำหนักตัว

  • หากน้ำหนักตัวต่ำกว่า 60 กิโลกรัม จะรับประทาน 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง
  • หากน้ำหนักตัวมากกว่า 60 กิโลกรัม จะรับประทาน 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง

ในขณะที่ใช้ยาเลื่อนประจำเดือนชนิด ฮอร์โมน norethisterone เลื่อนประจำเดือน โดยเริ่มรับประทานอย่างน้อย 3 วัน ก่อนกำหนดวันมีประจำเดือน ไม่ควรรับประทานนานเกิน 10-14 วัน เนื่องจากจะทำให้รอบเดือนมาผิดปกติ,เลือดออกกระปิดกระปรอย,เจ็บคัดเต้านม,ซึมเศร้า,ปวดศีรษะได้ เป็นต้น เมื่อหยุดยา 2-3 ประจำเดือนจะมาตามปกติ ในกรณีที่ต้องการเลื่อนประจำเดือนมากกว่า 14 วัน หรือนานกว่านั้น ควรใช้ ยาคุมกำเนิด ที่มีฮอร์โมน 2 ชนิด (combined pills) แบบ 21 เม็ดจะเหมาะสมกว่า โดยฮอร์โมนสูตรผสม ซึ่งมีทั้ง Estrogen และ progesterone จะสามารถเลื่อนประจำเดือนโดยมีหลักการคือ ฮอร์โมนทั้ง 2 จะไปรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายให้คล้ายกับระดับฮอร์โมนในร่างกายก่อนมีประจำเดือน จนกระทั่งเมื่อหยุดทานยา ระดับฮอร์โมนจะลดต่ำลงทำให้เข้าสู่ภาวะรอบเดือน โดยวิธีการใช้ยาคุมสูตรผสมในการเลื่อนประจำเดือน คือ ให้ทานก่อนประจำเดือนมา 7 วัน โดยทานวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนนอน หรือถ้าใกล้ถึงวันที่ประจำเดือนมา ให้ทานวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด โดยทานในช่วงเช้า และเย็น หลังอาหาร

สำหรับในผู้หญิงที่ทานยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมอยู่แล้วต้องการเลื่อนประจำเดือน จะแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี

  • กรณีที่ 1 ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงละ 21 เม็ด เมื่อทานยาคุมจนหมดแผงสามารถทานแผงต่อไปได้เลยไม่ต้องหยุดยาจะทำให้สามารถเลื่อนประจำเดือนได้
  • กรณีที่ 2 ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงละ 28 เม็ด เมื่อทานยาคุมไป 21 เม็ดแล้ว จะเหลือยาอยู่ 7 เม็ด ให้เริ่มทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ได้เลยโดยไม่ต้องรับประทาน 7 เม็ดที่เหลือในแผงเดิม เนื่องจากยา 7 เม็ดที่เหลือไม่มีส่วนประกอบของฮอร์โมน และในผู้หญิงที่ทานยาคุมกำเนิดอยู่แล้วและใช้ยังทานยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือนสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ และเมื่อหยุดรับประทานยาปะจำเดือนจะมาตามปกติในอีกประมาณ 2-3 วัน