ประชุมกฎหมายแพ่ง (
ละติน: Corpus Iuris Civilis)
[1] เป็น
ประชุมข้อเขียนทางนิติศาสตร์ซึ่ง
พระเจ้าจัสติเนียนที่ 1 พระมหากษัตริย์แห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก มีพระราชโองการให้รวบรวมและเผยแพร่ตั้งแต่ ค.ศ. 529 ถึง ค.ศ. 534 มักเรียกกันว่า
ประชุมกฎหมายจัสติเนียน (Code of Justinian) แต่อันที่จริงแล้วชื่อนี้เป็นเพียงชื่อภาคแรกของประชุมกฎหมายจากทั้งหมดสี่ภาค คือ ประชุมกฎหมาย (Codex) เลือกเอาพระราชบัญญัติบางฉบับมาประมวลไว้, ประชุมคำวินิจฉัย (Digest) เลือกเอาคำวินิจฉัยของศาลและงานเขียนของนักนิติศาสตร์มาประมวลไว้, ประชุมตำรา (Institutiones) เป็นตำราเรียนกฎหมาย และประชุมกฎหมายใหม่ (Novellae) เลือกเอาพระราชบัญญัติที่ตราขึ้นใหม่หลังจากเผยแพร่สามภาคแรกไปแล้วมาประมวลไว้ ประชุมกฎหมายแพ่งนี้ แม้บางส่วนมีลักษณะเป็นหนังสือเรียน แต่ก็มีผลเป็นกฎหมายทั้งสิ้นพระเจ้าจัสติเนียนทรงตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งให้ประชุมกฎหมายข้างต้น มีตุลาการ
ทริโบเนียน (Tribonian) เป็นประธาน และมีอำนาจตรวจแก้ข้อความที่ประชุมกันไว้นั้นด้วย อย่างไรก็ดี คณะกรรมการจะได้แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาต้นฉบับไปมากน้อยเท่าไรนั้นไม่อาจทราบได้ เพราะไม่มีต้นฉบับหลงเหลืออีก ประชุมกฎหมายแพ่งเขียนและเผยแพร่เป็นภาษาละตินซึ่งเป็นภาษาราชการในครั้งนั้น แม้ว่าภาษาที่แพร่หลายยิ่งกว่าในหมู่พ่อค้าประชาชนคือภาษากรีกก็ตามประชุมกฎหมายแพ่งนี้ใช้บังคับมายาวนานเท่าไรและในแห่งหนตำบลใดบ้างนั้นมิอาจทราบได้เช่นกัน แต่เท่าที่ทราบ ใน
ยุคมืดไม่มีการใช้ประชุมกฎหมายแพ่งเป็นการทั่วไป ต่อมาใน
มัชฌิมยุค ผู้คนทั้งฆราวาสและสงฆ์จึงเริ่มสนใจประชุมกฎหมายแพ่งอีกครั้ง โดยรับประชุมกฎหมายนั้นเข้ามาเป็น
กฎหมายเอกชนของพวกตน ส่วนเนื้อหาในทาง
กฎหมายมหาชนนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับกัน ประชุมกฎหมายแพ่งที่ได้รับการรื้อฟื้นเป็นกฎหมายเอกชนนี้เองกลายเป็นรากฐานแห่ง
ระบบซีวิลลอว์ ทั้งยังเป็นพื้นแห่ง
กฎหมายศาสนจักร ถึงขนาดที่มีคำกล่าวว่า "พระศาสนจักรอยู่ได้เพราะกฎหมายโรมัน" (ecclesia vivit lege romana)
[2] ส่วน
ระบบคอมมอนลอว์นั้นรับอิทธิพลประชุมกฎหมายแพ่งน้อยมาก แต่หลักการพื้นฐานบางประการยังดำรงอยู่ใน
กฎหมายนอร์ม็องดี เช่น เรื่องสัญญา และเรื่องกฎหมายลายลักษณ์อักษรกับกฎหมายจารีตประเพณี ขณะที่ในระดับโลกนั้น ประชุมกฎหมายแพ่งมีบทบาทสำคัญต่อ
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง และภาคทั้งสี่ของประชุมกฎหมายแพ่งยังเป็นพื้นฐาน
นิติประเพณีตะวันตกด้วย