กรันโกลอมเบีย (
สเปน: Gran Colombia; แปลว่า โคลอมเบียใหญ่) เป็นชื่อที่นักประวัติศาสตร์ใช้เรียกรัฐ (ซึ่งในขณะนั้นมีชื่อเรียกว่า
โคลอมเบีย) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือของ
อเมริกาใต้และตอนใต้ของ
อเมริกากลางระหว่าง ค.ศ. 1819–1831 รัฐนี้รวมดินแดนของ
โคลอมเบีย เอกวาดอร์ ปานามา และ
เวเนซุเอลาในปัจจุบัน และบางส่วนของภาคเหนือของ
เปรูและภาคตะวันตกเฉียงเหนือของ
บราซิล ชื่อ กรันโกลอมเบีย ใช้ในเชิงประวัติศาสตร์เพื่อแยกความแตกต่างจาก สาธารณรัฐโคลอมเบีย ในปัจจุบัน
[2] ซึ่งยังเป็นชื่อทางการของรัฐในอดีตด้วยในช่วงเวลาของการก่อตั้ง กรันโกลอมเบียเป็นประเทศที่ทรงเกียรติภูมิสูงสุดใน
ฮิสแปนิกอเมริกา จอห์น ควินซี แอดัมส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ (ต่อมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ) กล่าวอ้างว่ากรันโกลอมเบียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก
[3] เกียรติภูมินี้ (ซึ่งสมทบเข้ากับความสำเร็จส่วนตัวของ
ซิมอน โบลิบาร์) ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชใน
คิวบา สาธารณรัฐโดมินิกัน และ
ปวยร์โตรีโกที่ปรารถนาจะสร้างรัฐสมทบกับสาธารณรัฐนี้
[4]แต่
การรับรองความชอบธรรมของรัฐกรันโกลอมเบียในระดับนานาชาติสวนทางกับจุดยืนของ
ยุโรปที่คัดค้านเอกราชของรัฐใน
ทวีปอเมริกา ออสเตรีย ฝรั่งเศส และรัสเซียจะรับรองเอกราชของรัฐในทวีปอเมริกาก็ต่อเมื่อรัฐใหม่เหล่านั้นยอมรับพระมหากษัตริย์จากราชวงศ์ยุโรปเท่านั้น นอกจากนี้ กรันโกลอมเบียและมหาอำนาจระหว่างประเทศยังไม่ลงรอยกันในเรื่องการขยายดินแดนและพรมแดนของกรันโกลอมเบีย
[5]กรันโกลอมเบียได้รับการประกาศจัดตั้งผ่านกฎหมายพื้นฐานแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบียซึ่งตราขึ้นระหว่าง
การประชุมใหญ่แห่งอังโกสตูรา (ค.ศ. 1819) แต่ยังไม่มีผลบังคับจนกระทั่ง
การประชุมใหญ่แห่งกูกูตา (ค.ศ. 1821) ได้ประกาศใช้
รัฐธรรมนูญแห่งกูกูตากรันโกลอมเบียได้รับการจัดตั้งเป็น
รัฐเดี่ยวแบบ
รวมศูนย์อำนาจปกครอง[4] ตลอดการดำรงอยู่ของสาธารณรัฐมีร่องรอยความขัดแย้งระหว่างผู้สนับสนุนรัฐบาลแบบรวมศูนย์ที่มี
ระบบประธานาธิบดีเข้มแข็งกับผู้สนับสนุนรัฐบาลแบบ
สหพันธรัฐที่มีการกระจายอำนาจ ในขณะเดียวกันยังเกิดความแตกแยกทางการเมืองระหว่างผู้สนับสนุนรัฐธรรมนูญแห่งกูกูตา กับอีกสองกลุ่มที่พยายามให้มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเพื่อสนับสนุนการแตกกรันโกลอมเบียออกเป็นสาธารณรัฐที่เล็กกว่า หรือเพื่อสนับสนุนการคงสหภาพไว้แต่ให้มีระบบประธานาธิบดีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ฝ่ายที่สนับสนุนการปกครองตามรัฐธรรมนูญมีรองประธานาธิบดี
ฟรันซิสโก เด เปาลา ซันตันเดร์ เป็นผู้นำ ในขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนการสร้างระบบประธานาธิบดีที่เข้มแข็งมีประธานาธิบดีซิมอน โบลิบาร์ เป็นผู้นำ ทั้งสองเคยเป็นพันธมิตรกันในสงครามต่อต้านการปกครองของสเปน แต่เมื่อถึง ค.ศ. 1825 ความเห็นต่างของพวกเขาได้กลายเป็นเรื่องสาธารณะและเป็นส่วนสำคัญของความไม่มั่นคงทางการเมืองนับจากปีนั้นเป็นต้นมากรันโกลอมเบียถูกยุบเลิกใน ค.ศ. 1831 เนื่องจากความแตกต่างทางการเมืองที่เกิดขึ้นระหว่างผู้สนับสนุนระบอบสหพันธรัฐกับผู้สนับสนุนระบบศูนย์รวมอำนาจปกครอง เช่นเดียวกับความตึงเครียดในระดับภูมิภาคในหมู่ประชาชาติที่รวมกันเป็นสาธารณรัฐ กรันโกลอมเบียแตกออกเป็นรัฐผู้สืบสิทธิ์โคลอมเบีย เอกวาดอร์ และเวเนซุเอลา ส่วนปานามาแยกตัวจากโคลอมเบียใน ค.ศ. 1903 เนื่องจากกรันโกลอมเบียมีอาณาเขตส่วนใหญ่สอดคล้องกับเขตอำนาจดั้งเดิมของอดีต
เขตอุปราชแห่งนิวกรานาดา กรันโกลอมเบียจึงอ้างกรรมสิทธิ์เหนือ
ชายฝั่งโมสกิโตซึ่งเป็นชายฝั่ง
แคริบเบียนของ
นิการากัว