ปลาคู้แดง หรือ
ปลาเปคูแดง (
อังกฤษ: Red bellied pacu;
ชื่อวิทยาศาสตร์: Piaractus brachypomus) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ใน
วงศ์ปลาคาราซิน (Characidae) วงศ์ย่อย
Serrasalminae มีรูปร่างเหมือนกับ
ปลาปิรันยาแดง (Pygocentrus nattereri) แต่ปลาคู้แดงมีขนาดลำตัวที่ใหญ่กว่า กรามล่างไม่ยื่นยาวออกมาและลักษณะของฟันไม่แหลมคมเหมือนกับปลาปิรันยาแดง เกล็ดมีขนาดเล็กละเอียด มีสีสันแวววาวเหมือนกับปลาปิรันยาแดง แต่ในส่วนของ
สีแดงไม่เข้มเท่า แต่ลูกปลาวัยอ่อนมีจุดกลมสีแดงเหมือนกัน และจุดเหล่านี้จะค่อย ๆ เล็กลงและหายไปเมื่อปลาโตขึ้นปลาคู้แดง มีขนาดโตเต็มที่ยาวได้ 80
เซนติเมตร น้ำหนักหนัก 25
กิโลกรัม (ขนาดและน้ำหนักโดยเฉลี่ยคือ 45 เซนติเมตร และน้ำหนัก 2-3 กิโลกรัม) มีถิ่นกำเนิดในลุ่ม
แม่น้ำอเมซอนและ
แม่น้ำโอริโนโคใน
ประเทศอาร์เจนตินานิยมอยู่รวมกันเป็นฝูง กินอาหารได้ทั้ง
พืชและ
สัตว์ โดยเฉพาะพืชเช่นเมล็ดพืชหรือลูกไม้ที่ร่วงหล่นจากต้น โดยจะไปรอกินถึงบริเวณผิวน้ำเลยทีเดียวเป็นปลาที่นิยมทำเป็นอาหารของชนพื้นถิ่น มีชื่อเรียกในภาษาพื้นเมืองว่า
Pirapitinga ใน
ประเทศไทยปลาคู้แดงถูกนำเข้ามาครั้งแรกในฐานะปลาสวยงาม เมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยเอกชนรายหนึ่ง และต่อมาทางภาครัฐถือเป็นปลาเศรษฐกิจที่ทาง
กรมประมงส่งเสริมให้เกษตรเลี้ยง โดยมีชื่อเรียกว่า "
ปลาจะละเม็ดน้ำจืด" เพราะมีรูปร่างคล้าย
ปลาจะละเม็ดใน
ทะเล ซึ่งปลาคู้แดงเป็นปลาที่โตไว กินง่าย เลี้ยงง่าย ผสมพันธุ์ง่าย อีกทั้งมีเนื้อรสชาติอร่อยในส่วนของการเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม นิยมเลี้ยงกันในเมื่อปลายังเล็กอยู่ แต่เนื่องจากเมื่อปลาโตขึ้น ผู้เลี้ยงไม่สามารถเลี้ยงต่อไปได้ จึงมีการปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ จนกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ เป็น
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่มาแย่งและทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยของ
สัตว์น้ำพื้นเมืองของไทย
[1]