ปลาเทวดาสกาแลร์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า
ปลาเทวดา (
อังกฤษ: Angelfish, Freshwater angelfish, Lesser angelfish
[1];
ชื่อวิทยาศาสตร์: Pterophyllum scalare)
ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง ใน
วงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae)เป็น
ปลาเทวดาชนิดที่รู้จักกันดีที่สุด เนื่องจากเป็นต้นสายพันธุ์ของปลาเทวดาทั้งหมดที่นิยมเลี้ยงกันเป็น
ปลาสวยงาม โดยปลาเทวดาสกาแลร์มีสีลำตัวเป็นสีเทาอมเขียวและมีประกายสีเงินเคลือบทับทั่วตัว ปลาที่พบในบางแหล่งจะมีจุดสีแดงเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วบริเวณไหล่ บริเวณหลังจะเป็นสีน้ำตาลเขียวมะกอก เมื่อต้องแสงไฟหรือ
แสงแดดจะเห็นประกายสีน้ำตาลแดงแวววาว มีโครงสร้างลำตัวเป็น
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบนข้างมากโดยส่วนยาวจากปลายปากถึงโคนหางจะยาวกว่าแนวตั้งของลำตัวเล็กน้อย แถวเกล็ดจากขอบเหงือกลากยาวไปจรดครีบหางมีทั้งสิ้น 33-38 เกล็ด ลายบนตัวจะเป็นเส้นคาดแนวตั้งใหญ่จำนวนสี่เส้นเห็นได้ชัดเจน และจะมีเส้นเล็ก ๆ ที่สั้นและจางกว่าคั่นแต่ละเส้นใหญ่นั้นอีกรวม 3 เส้น เส้นทุกเส้นจะเป็นสีดำหรือเทาแก่ เส้นที่ดำและเข้มสุดจะเป็นเส้นคาดเอว (เส้นที่ 5) ที่ลากจากยอดครีบบนลงมาจรดปลายครีบล่างขนาดโตเต็มที่ประมาณ 6
นิ้ว พบกระจายพันธุ์อยู่เป็นฝูง ตามแหล่งน้ำของแม่น้ำสายใหญ่ใน
ทวีปอเมริกาใต้ อาทิ
แม่น้ำอเมซอน,
แม่น้ำโอริโนโค โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่มี
พืชน้ำขึ้นหนาแน่น และ
สภาพความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ตั้งแต่ 6.0-7.5 ซึ่งน้ำจะมีสภาพความเป็นกรดเล็กน้อย
[2]ปลาเทวดาสกาแลร์ นับเป็นปลาเทวดาชนิดที่เป็นที่รู้จักและนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายที่สุด ซึ่งปัจจุบันได้มีการเพาะขยายพันธุ์ไปต่าง ๆ จนมีสีสันและลวดลายผิดแผกไปจากปลาดั้งเดิมในธรรมชาติมากมาย อาทิเป็นต้น
[3]ในขณะที่ปลาเทวดาสีแบบดั้งเดิมตามธรรมชาติ จะถูกเรียกว่า "ปลาเทวดาอัลตั้มเปรู" หรือ"ปลาเทวดาโอริโนโค" เพื่อมิให้สับสนกับ
ปลาเทวดาอัลตั้ม (P. altum) ซึ่งเป็นปลาเทวดาสายพันธุ์ดั้งเดิมอีกชนิดหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่กว่า
[4]ปลาเทวดา สามารถเพาะขยายพันธุ์ในตู้เลี้ยงได้ โดยจะจับคู่วางไข่ตาม
ใบของพืชน้ำ หรือวางไข่ตามวัสดุอย่างอื่นที่มีพื้นผิวเรียบ ปลาตัวเมียจะวางไข่เรียงกันเป็นแถว ครั้งละประมาณ 10-15 ฟอง แล้วว่ายน้ำออกมา จากนั้นปลาตัวผู้จึงว่ายเข้าไปค่อย ๆ ปล่อยน้ำเชื้อไล่ไปตามเม็ดไข่ เสร็จแล้วจะว่ายน้ำออกมาเช่นกัน แล้วปลาตัวเมียก็จะเข้าไปวางไข่อีก ทำเช่นนี้สลับกันไปจนไข่หมดท้อง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จำนวนไข่ทั้งหมดที่วางแต่ละครั้งจะมีไข่ประมาณ 200-500 ฟอง จากนั้นทั้งปลาตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันดูแลรักษาไข่ โดยจะคอยโบกพัดน้ำบริเวณที่วางไข่เพื่อเพิ่มออกซิเจนอย่างสม่ำเสมอ และจะเก็บกินไข่ที่เสียออกด้วย การพัฒนาของไข่จะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง ลูกปลาก็จะฟักออกจากไข่แล้วตกลงสู่พื้น ลูกปลาจะลงไปเกาะอยู่ตามพื้น หรือตามวัสดุแข็ง เช่น กิ่งไม้, ขอนไม้, ก้อนหิน หรือผนังตู้ โดยในระยะแรกนี้จะมีถุงไข่แดงขนาดใหญ่อยู่ และจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันจึงจะใช้อาหารจาก
ถุงไข่แดงหมด จากนั้นลูกปลาจะว่ายรวมฝูงหาอาหารอยู่ใกล้ ๆ พ่อแม่ปลา พ่อแม่ปลาจะคอยป้องกันดูแลความปลอดภัยให้ลูกปลา จนลูกปลาเจริญเติบโตพอควรก็จะแยกฝูงออกไปหากินกันเอง พ่อแม่ปลาก็จะออกหาอาหารและสามารถวางไข่ชุดใหม่ได้อีกในเวลาประมาณ 25-30 วัน ส่วนลูกปลาที่แยกตัวไปจะเจริญเติบโตเป็นปลาเต็มวัยในเวลาประมาณ 6-8 เดือน
[5]