ปลาเรดเทลแคทฟิช (
อังกฤษ: Redtail catfish) เป็น
ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่
ชนิดหนึ่ง ใน
อันดับปลาหนัง มี
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phractocephalus hemioliopterus ใน
วงศ์ปลากดอเมริกาใต้ (Pimelodidae) จัดเป็นปลาเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ใน
สกุล Phractocephalus ที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์ ทั้งนี้เนื่องจากชนิดอื่นที่อยู่ร่วมสกุลกันได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ยุค
ไมโอซีนตอนต้นแล้ว (ราว 13.5 ล้านปีก่อน) คือ P. nassi ซึ่งค้นพบซากดึกดำบรรพ์ในปี ค.ศ. 2003 จาก
ยูรูมาโค ใน
เวเนซุเอลา รวมถึงชนิดอื่นจาก
รัฐอาเกร ใน
บราซิลมีรูปร่างส่วนหัวแบนกว้างและใหญ่ ปากมีขนาดใหญ่ และอ้าปากได้กว้าง ภายในช่องปากจะมี
ฟันหยาบ ๆ
สีแดงสด ซึ่งฟันลักษณะนี้จะใช้สำหรับดูดกลืนอาหารเข้าไปทั้งตัว โดยไม่เคี้ยวหรือขบกัด แต่จะใช้งับเพื่อไม่ให้ดิ้นหลุดเท่านั้น บริเวณส่วนหัวมีจุดกระ
สีน้ำตาลหรือ
ดำกระจายอยู่ทั่ว ลำตัวด้านบนสีน้ำตาล
แดง ส่วนท้องและด้านข้างลำตัว
สีขาวหรือ
สีเหลือง ปลายหางและครีบหลังมีสีแดงจัด อันเป็นที่มาของชื่อ มีหนวดทั้งหมดสี่คู่ คู่แรกยาวที่สุดอยู่บริเวณมุมปาก หนวดอื่น ๆ อยู่บริเวณใต้คางปลาเรดเทลแคทฟิช เป็นปลาที่หากินตามท้องน้ำ โดยกินอาหารได้แก่
ปลาขนาดเล็กกว่าและสามารถกินได้ถึงขนาดที่เท่าตัวหรือใหญ่กว่าได้ ด้วยการกลืนเข้าไปทั้งตัวโดยไม่เคี้ยว เป็นปลาที่ตะกละ กินจุ กินไม่เลือก และเจริญเติบโตได้เร็วมาก โดยเฉพาะลูกปลาพบกระจายพันธุ์ในลุ่ม
แม่น้ำอเมซอน,
โอริโนโค และ
เอสเซคิวโบ โดยมีชื่อเรียกใน
ภาษาถิ่นว่า
Cajaro และ
Pirarara หรือ
ปลากล้วย[2]มีขนาดโตเต็มที่ได้ประมาณ 1-1.5
เมตร น้ำหนักหนักได้ถึง 51.5
กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักของส่วนหัวมากถึง 1 ใน 4
[2]เป็นปลาที่นิยมตกเป็น
เกมกีฬา และนิยมบริโภคกันทั่วไป โดยเฉพาะใน
ประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงกันเพื่อบริโภคแทนเนื้อ
ปลาคัง (Hemibagrus wyckioides) ซึ่งเป็นปลาพื้นบ้านทดแทน เนื่องด้วยการที่เพาะขยายพันธุ์ง่ายและเติบโตเร็ว อีกทั้งเนื้อยังมีรสชาติดี และยังนิยมเลี้ยงเป็น
ปลาสวยงามอีกด้วย ซึ่งจัดว่าเป็นปลาจากต่างประเทศที่มีการเลี้ยงกันมานานกว่า 30 ปีแล้ว มีราคาขายที่ไม่แพง ในปัจจุบัน ยังมีการผสมข้ามพันธุ์กับปลาในวงศ์เดียวกัน เช่น
ปลาไทเกอร์โชวเวลโนส (Pseudoplatystoma fasciatum) เกิดเป็นลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ หรือมีสีสันที่แตกต่างไปจากปลาดั้งเดิมอีกด้วย เช่น สีขาวล้วน หรือสีดำทั้งลำตัว หรือ
ปลาเผือก ซึ่งปลาที่มีสีสันแปลกเช่นนี้จะมีราคาซื้อขายที่แพงกว่าปลาปกติมาก
[3][4] แต่ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดเป็นปัญหา
ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น เมื่อมีปลาบางส่วนได้หลุดรอดลงไปในแหล่งน้ำธรรมชาติ
[5]