ผลงานที่สำคัญ ของ ปอล_เซซาน

ผลงานในช่วงที่ยังไม่มีแนวทางเป็นของตนเอง

ผลงานในช่วงวัยหนุ่ม

The Rape 1867

ผลงานที่เซซานวาดขึ้นในช่วงวัยหนุ่มสะท้อนให้เห็นถึงความเจ็บปวดวิตกกังวลต่อความปรารถนาที่มีต่อเพศตรงข้าม เขาได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมร่วมสมัยอย่างหนังสือ The Rese Requin ของเอมีล ซอลา และงานเขียนของเวโรเนเซ ผลงานที่สำคัญในช่วงนี้ประกอบด้วย จิตรกรรมชื่อ The Rape และ Orgy[22]

ผลงานที่ได้รับอิทธิพลจากการปฏิวัติของมาแน

A Modern Olympia 1873-1874

เซซานได้ศึกษาผลงานของจิตรกรชั้นครูอยู่เสมอ ครั้งที่เขาเดินทางสู่ปารีสในเวลานั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่ง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการศิลปะนั่นคือ การปฏิวัติของมาแน เมื่อได้มาเห็นจิตรกรรม "โอลิมเปีย" ของเอดัวร์ มาแน เซซานก็ได้ลงมือเขียนภาพ "โอลิมเปียสมัยใหม่" (A Modern Olympia) ในต้นคริสต์ทศวรรษ 1870[23] และผลงานชิ้นนี้ของเขาก็มีแนวทางคล้ายกับผลงานในช่วงวัยหนุ่มคือมีเนื้อหาเกี่ยวกับกามารมณ์ และผู้ชายผู้ซึ่งแต่งกายชุดดำใส่หมวกนั่งอยู่ในเงามืดสลัว เพ่งมองไปยังสตรีเปลือยในภาพนี้ก็คือเซซานนั่นเอง

ผลงานในช่วงที่มีแนวทางเป็นของตนเอง

จิตรกรรมหุ่นนิ่งกับรูปปั้นกามเทพ (Still Life with Plaster Cupid ค.ศ. 1895)

Still Life With Cupid 1895

จิตรกรรมหุ่นนิ่งของเซซานสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางความคิดของเขาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหุ่นนิ่งได้ให้โอกาสและอิสระแก่เขาในการที่จะเลือกสรรและจัดการกับรูปทรงของสิ่งของทั้งหลายตามที่ต้องการ[24]

เซซานจะเริ่มจัดหุ่นนิ่งวางลงบนผ้า แล้วนำผลไม้มาวางใกล้กันโดยจะใช้สีที่เป็นขั้วตรงข้ามมาตัดกัน เช่นสีแดงกับเขียว สีเหลืองกับน้ำเงิน จิตรกรรมชิ้นนี้มีความซับซ้อนของรูปทรงและองค์ประกอบมากที่สุดชิ้นหนึ่งในผลงานยุคหลังของเขา

ความโดดเด่นของงานจิตรกรรมชิ้นนี้คือความขัดแย้งระหว่างวัตถุต่อวัตถุ เช่นสัดส่วนของรูปปั้นกามเทพที่ถูกขยายใหญ่จนเกินจริง แอปเปิลที่อยู่บนพื้นมีขนาดใหญ่กว่าผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะ ขาโต๊ะกับหัวหอมใหญ่ที่วางซ้อนกันอยู่ การจัดระนาบของพื้นที่สีแบนเรียบพื้นหลังดูขัดตาไม่เป็นไปตามความจริง

จิตรกรรมชุดภูเขาแซ็งต์-วิกตัวร์

Mont Sainte-Victoire 1904-1906

จิตรกรรมชุดภูเขาแซ็งต์-วิกตัวร์เป็นงานจิตรกรรมชุดที่เป็นงานชิ้นเอกของเซซาน เขาใช้เวลาในการสร้างผลงานชุดนี้อยู่หลายปีโดยเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 มีงานจิตรกรรมอยู่ในผลงานชุดนี้อยู่หลายภาพ ผลงานชุดนี้มีความหลากหลายทางด้านรูปแบบและกรรมวิธี แต่โดยภาพรวมแล้วเซซานต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรูปทรงเรขาคณิตกับการปาดสีอย่างอิสระ

กรรมวิธีในการวาดงานชุดนี้ เซซานจะไม่คำนึงถึงความเป็นจริงของแสงและเงาตามธรรมชาติ แต่เขาได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างและสีสันของธรรมชาติไปตามความต้องการของตัวเอง รูปร่างและทัศนียภาพโดยรอบถูกเปลี่ยนรูปทรงให้ดูง่ายขึ้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต และเกิดปริมาตรเป็นแสงและเงาที่ไม่เหมือนจริง เทคนิคและวิธีการเช่นนี้จะส่งอิทธิพลให้กับงานรุ่นหลัง ได้แก่ บาศกนิยมและคติโฟวิสต์