ประวัติ ของ พรรคพลังธรรม

หลังยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2531 บุคคลจำนวนหนึ่งภายใต้การนำของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และกลุ่มสันติอโศก ภายใต้การนำของ สมณะโพธิรักษ์ ร่วมตั้งพรรคพลังธรรมขึ้นคณะผู้เริ่มจัดตั้งพรรคการเมืองได้ยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้วจึงได้ออกหนังสือเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมลงชื่อเป็นสมาชิกพรรคมีสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นคน ต่อมาในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2531[1] นายทะเบียนพรรคการเมือง กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศรับการจดทะเบียนพรรคพลังธรรม ซึ่งถือว่าวันที่ 9 มิถุนายน เป็นวันกำเนิดพรรคพลังธรรม โดยมี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นหัวหน้าพรรค

ในการเลือกตั้งครั้งแรกของปี พ.ศ. 2535 คือ การเลือกตั้งวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคพลังธรรมได้รับความนิยมสูงสุดจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสามารถกวาดตำแหน่ง ส.ส. ได้มากถึง 32 ที่นั่ง จากทั้งหมด 35 ที่นั่ง เหลือไว้เพียง 3 ที่ให้นายสมัคร สุนทรเวช, ดร.ลลิตา ฤกษ์สำราญ จากพรรคประชากรไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งลงสมัครครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น ซึ่งในเช้าวันต่อมา พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ถึงกับพาดหัวว่า "พลังผักชนะพลังเงิน" แทนที่จะพาดหัวข่าวถึงผลการเลือกตั้งทั่วประเทศ เหมือนฉบับอื่น[2]

แต่ต่อมาสภาฯ ชุดนี้ต้องสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปีเดียวกัน เนื่องจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และยุติบทบาททางการเมือง เนื่องจากสัญญาที่ได้ให้ไว้ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬว่า จะไม่รับตำแหน่งใด ๆ ทางการเมือง[2][3]จากนั้นพรรคพลังธรรม จึงได้ผลัดเปลี่ยนหัวหน้าพรรคหลายคน ได้แก่ พล.ร.อ.ศิริ ศิริรังษี, นายบุญชู โรจนเสถียร, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากการลาออกของ พล.ต.จำลอง นั้น ทำให้บทบาทของพรรคพลังธรรม ในเวทีการเมืองระดับชาติถดถอยลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลือ ส.ส. เพียงคนเดียวในสภาฯ เมื่อการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 คือ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็เคยมาแล้ว[4] โดยขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคแต่ไม่สมัครรับเลือกตั้งด้วย

ซึ่งหลังการเลือกตั้งในครั้งนั้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ได้รับการโหวตจาก สภาฯได้เป็นนายกรัฐมนตรี และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังธรรม ในวันเดียวกับที่การเลือกตั้งทั่วไปเสร็จสิ้นลง ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีสมัยพล.อ.ชวลิต เป็นนายกฯในโควตาพรรคความหวังใหม่

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังธรรมทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคพลังธรรม จัดให้มีการประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดใหม่ ในที่ประชุมเสนอ สอง ชื่อให้สมาชิกเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ และ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ โดยนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ซึ่งขณะนั้นเป็น ส.ส.คนเดียวของพรรค ได้ลุกขึ้นแถลงต่อที่ประชุมใหญ่พรรค ขอถอนตัวจากการเสนอชื่อให้เป็นหัวหน้าพรรค จึงเป็นผลให้นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค[4]

ต่อมา เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ได้ลงเลือกตั้งในการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2539 ทั้งที่เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ในขณะนั้น ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้น ในปี พ.ศ. 2541 สมาชิกพรรคหลายคนเช่น นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ, น.พ.ประจวบ อึ๊งภากรณ์, น.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์ เป็นต้น ได้ลาออกไปเข้าร่วม จนทำให้พรรคพลังธรรมกลายเป็นเพียงพรรคการเมืองธรรมดา ที่ไม่มีบทบาทสำคัญอะไร ไม่มีสัดส่วนในรัฐสภา

พรรคพลังธรรม ได้ถูกยุบพรรคลงเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2550 เนื่องจากไม่ส่งรายงานการดำเนินกิจการพรรคการเมือง ตามข้อบังคับของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)[5] โดยหัวหน้าพรรคพลังธรรมคนสุดท้ายคือ นายภมร นวรัตนากร

ใกล้เคียง

พรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541) พรรคพลังประชารัฐ พรรคพลังธรรม พรรคพลังบูรพา พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคพลังปวงชนไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคพลังประชาชน (เกาหลีใต้) พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคพลัง