เมนูนำทาง
พรรคพลังประชารัฐ ประวัติชวน ชูจันทร์ ประธานประชาคมตลาดน้ำคลองลัดมะยม และพันเอก สุชาติ จันทรโชติกุล อดีต ส.ส. สงขลา พรรคความหวังใหม่ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศเป็นผู้จดจองชื่อพรรคพลังประชารัฐต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561[9] ชื่อพรรค "พลังประชารัฐ" เป็นชื่อนโยบายช่วยเหลือคนยากจนที่สำคัญของรัฐบาลประยุทธ์[10]
พรรคได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม "สามมิตร" ซึ่งมีแกนนำเป็นอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ได้แก่ สมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งยังดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอยู่ กลุ่มดังกล่าวพยายามดึงตัวสมาชิกรัฐสภาทั้งจากพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มดังกล่าวสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ขณะที่ยังมีคำสั่ง คสช. ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่ในขณะนั้น
พรรคจัดประชุมสามัญใหญ่ของพรรคเป็นครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 เพื่อเลือก หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรกจำนวน 25 คนปรากฏว่า อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาลประยุทธ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลประยุทธ์ 1 เป็นเลขาธิการพรรคคนแรกแต่ในเวลาต่อมานาย กรัณย์ สุทธารมณ์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรกเหลือ 24 คนประกอบไปด้วย
ลำดับที่ | ชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | อุตตม สาวนายน | หัวหน้าพรรค |
2 | สุวิทย์ เมษินทรีย์ | รองหัวหน้าพรรค |
3 | ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ | รองหัวหน้าพรรค |
4 | สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ | เลขาธิการพรรค |
5 | กอบศักดิ์ ภูตระกูล | กรรมการบริหารพรรคและโฆษกพรรค |
6 | วิเชียร ชวลิต | นายทะเบียนสมาชิกพรรค |
7 | พรชัย ตระกูลวรานนท์ | เหรัญญิกพรรค |
8 | อิทธิพล คุณปลื้ม | กรรมการบริหารพรรค |
9 | ชวน ชูจันทร์ | กรรมการบริหารพรรค |
10 | ชาญกฤช เดชวิทักษ์ | กรรมการบริหารพรรค |
11 | ณพพงศ์ ธีระวร | กรรมการบริหารพรรค |
12 | นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ | กรรมการบริหารพรรค |
13 | พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ | กรรมการบริหารพรรค |
14 | วลัยพร รัตนเศรษฐ | กรรมการบริหารพรรค |
15 | วิเชษฐ ตันติวานิช | กรรมการบริหารพรรค |
16 | ชาญวิทย์ วิภูศิริ | กรรมการบริหารพรรค |
17 | สันติ กีระนันทน์ | กรรมการบริหารพรรค |
18 | สุรพร ดนัยตั้งตระกูล | กรรมการบริหารพรรค |
19 | องอาจ ปัญญาชาติรักษ์ | กรรมการบริหารพรรค |
20 | พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ | กรรมการบริหารพรรค |
21 | ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ | กรรมการบริหารพรรค |
22 | ธณิกานต์ พรพงศาโรจน์ | กรรมการบริหารพรรค |
23 | สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ | กรรมการบริหารพรรค |
24 | อนุชา นาคาศัย | กรรมการบริหารพรรค |
ต่อมาไม่นานนายวิเชษฐหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคทำให้พรรคพลังประชารัฐเหลือกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 23 คน [11] โดยให้เหตุผลว่าเพื่อไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการ สถาบันปัญญาประชารัฐ ที่ทางพรรคก่อตั้งขึ้น [12] กระทั่งวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561 นายอุตตมพร้อมคณะได้เดินทางมายัง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อจดทะเบียนจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ [13]
ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 มีบุคคลกว่า 150 คนเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ โดยมีทั้งอดีตสมาชิกรัฐสภา อดีตรัฐมนตรีและบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งในจำนวนนี้มีสมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชน สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา[14] นักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงอดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ[15]
ต่อมาในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561 นายอุตตมได้ลงนามในคำสั่งพรรคแต่งตั้งให้นาย ธนกร วังบุญคงชนะ เป็นรองโฆษกพรรค [16]
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง รับจดทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ[17] ในเดือนมกราคม 2562 สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ 4 คนที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งเพื่อมาหาเสียงเต็มเวลา หลังถูกวิจารณ์มาหลายเดือน[18]
ต่อมาได้มีการตั้งรองโฆษกพรรคเพิ่มขึ้นอีก 2 คนคือ นายไกรเสริม โตทับเที่ยง และ นางสาวทิพานัน ศิริชนะ ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม.ของพรรค
จากนั้นในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 นายกอบศักดิ์ซึ่งเป็นโฆษกพรรคได้ขอลาออกจากตำแหน่งภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองส่งผลให้เหลือตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคเพียงตำแหน่งเดียวทำให้นายธนกรต้องรักษาการในตำแหน่งโฆษกพรรค ก่อนหน้านั้นในวันที่ 19 กรกฎาคม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐพร้อมกับรับตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค
กระทั่งวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 นายอุตตมได้ลงนามในคำสั่งพรรคแต่งตั้งให้นายธนกรเป็นโฆษกพรรคอย่างเป็นทางการ
ต่อมาในวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ทางพรรคพลังประชารัฐได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค ตราสัญลักษณ์พรรค เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมจำนวน 17 คนพร้อมกับมีมติรับรองการลาออกของกรรมการบริหารพรรคจำนวน 6 คนได้แก่
ส่งผลให้เหลือคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 17 คนซึ่งที่ประชุมมีมติเลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมจำนวน 17 คนได้แก่
ทำให้พรรคพลังประชารัฐมีคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 34 คนประกอบไปด้วย [19]
ลำดับที่ | ชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|---|
1 | อุตตม สาวนายน | หัวหน้าพรรค |
2 | สุวิทย์ เมษินทรีย์ | รองหัวหน้าพรรค |
3 | ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ | รองหัวหน้าพรรค |
4 | ไพบูลย์ นิติตะวัน | รองหัวหน้าพรรค |
5 | อนุชา นาคาศัย | รองหัวหน้าพรรค |
6 | สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ | เลขาธิการพรรค |
7 | วิเชียร ชวลิต | นายทะเบียนสมาชิกพรรค |
8 | พรชัย ตระกูลวรานนท์ | เหรัญญิกพรรค |
9 | ชวน ชูจันทร์ | กรรมการบริหารพรรค |
10 | อิทธิพล คุณปลื้ม | กรรมการบริหารพรรค |
11 | กอบศักดิ์ ภูตระกูล | กรรมการบริหารพรรค |
12 | นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ | กรรมการบริหารพรรค |
13 | พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ | กรรมการบริหารพรรค |
14 | ชาญวิทย์ วิภูศิริ | กรรมการบริหารพรรค |
15 | สันติ กีระนันทน์ | กรรมการบริหารพรรค |
16 | พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ | กรรมการบริหารพรรค |
17 | ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ | กรรมการบริหารพรรค |
18 | สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ | กรรมการบริหารพรรค |
19 | สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ | กรรมการบริหารพรรค |
20 | สมศักดิ์ เทพสุทิน | กรรมการบริหารพรรค |
21 | สุพล ฟองงาม | กรรมการบริหารพรรค |
22 | สันติ พร้อมพัฒน์ | กรรมการบริหารพรรค |
23 | วิรัช รัตนเศรษฐ | กรรมการบริหารพรรค |
24 | สุชาติ ชมกลิ่น | กรรมการบริหารพรรค |
25 | ไผ่ ลิกค์ | กรรมการบริหารพรรค |
26 | นิโรธ สุนทรเลขา | กรรมการบริหารพรรค |
27 | บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ | กรรมการบริหารพรรค |
28 | สกลธี ภัททิยกุล | กรรมการบริหารพรรค |
29 | สัมพันธ์ มะยูโซะ | กรรมการบริหารพรรค |
30 | สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ | กรรมการบริหารพรรค |
31 | ประภาพร อัศวเหม | กรรมการบริหารพรรค |
32 | นิพันธ์ ศิริธร | กรรมการบริหารพรรค |
33 | ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า | กรรมการบริหารพรรค |
34 | สุรชาติ ศรีบุศกร | กรรมการบริหารพรรค |
พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวตามบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2560 แม้มีพรรคการเมืองหลายพรรคสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชารัฐถูกมองว่าเป็น "พรรคนิยมประยุทธ์อย่างเป็นทางการ" เพราะแกนนำพรรคหลายคนเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษาในรัฐบาลประยุทธ์[20][21]
ในการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้คำมั่นขยายโครงการสวัสดิการ[22] ต่อมาในเดือนมีนาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐเสนอปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 425 บาท ทำให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นนโยบายประชานิยม ทำไม่ได้จริง หรือทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน แต่พรรคยืนยันว่าสามารถทำได้จริง[23]
พรรคพลังประชารัฐถูกร้องเรียนว่าได้รับการสนับสนุนอย่างลำเอียงจากเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐ[24][25] ในเดือนพฤศจิกายน 2561 รัฐบาลประยุทธ์อนุมัติงบประมาณอัดฉีดเงินสด 86,700 ล้านบาท[26] ทำให้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการใช้เงินภาษีซื้อเสียง[27] นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังถูกกล่าวหาว่ามีการให้ประชาชนสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเพื่อแลกกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายช่วยเหลือคนยากจนของรัฐบาล[28]
พลเอกประยุทธ์ใช้อำนาจเต็มที่ตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว สั่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งวาดเขตเลือกตั้งใหม่[29][30][31] นักวิจารณ์ระบุว่า การวาดเขตเลือกตั้งใหม่นี้เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพลังประชารัฐ โดยบางคนให้ความเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐชนะการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว[32]
วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561 พรรคพลังประชารัฐจัดโต๊ะจีนระดมทุนมูลค่า 600 ล้านบาท โดยมีแผนที่ซึ่งมีชื่อหน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมด้วย ทำให้มีข้อกังขาว่ามีการใช้เงินภาษีหรือหาผู้บริจาคหรือผู้ซื้อที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหน่วยงานดังกล่าวซึ่งอาจต้องมีการตอบแทนในอนาคต[33] ในเดือนมกราคม 2562 พรรคเปิดเผยชื่อผู้บริจาคในงานดังกล่าวตามระเบียบ 90 ล้านบาท โดยเป็นชื่อผู้ได้รับสัมปทานจากรัฐเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม พรรคไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่มาของเงินบริจาคที่เหลือ[34] วันที่ 12 มีนาคม 2562 กกต. เปิดเผยว่า ไม่พบความผิดที่พรรคพลังประชารัฐจัดโต๊ะจีนระดมทุน เนื่องจากไม่พบบุคคลต่างชาติบริจาคเงิน จึงไม่มีความผิดและไม่ต้องยุบพรรค[35] ทว่าต่อมาสำนักข่าวอิศราพบว่า มีกลุ่มทุนจากประเทศไอซ์แลนด์ถือหุ้นในบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ[36]
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 พรรคพลังประชารัฐถูกยื่นคำร้องไต่สวนยุบพรรค เนื่องจากเสนอชื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาซึ่งถือว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามเพราะดำรงตำแหน่งทางการเมือง[37] ต่อมา ผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ และจะไม่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองต่อ[38] วันที่ 14 มีนาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐถูกยื่นเอาผิดจากกรณีปราศรัยนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาหาเสียง เข้าข่ายความผิดฐานเตรียมทรัพย์สินเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายเลือกตั้ง[39]
ผลการเลือกตั้งเบื้องต้นพบว่าพรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. มากเกินคาด โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครสามารถแย่งที่นั่งจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ทั้งหมด ทำให้ใบตองแห้ง คอลัมนิสต์ข่าวหุ้น เขียนว่า คนชั้นกลางเก่าอนุรักษนิยมที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์หันไปเลือกพรรคพลังประชารัฐแทน แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์เพราะเกลียดทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ใบตองแห้งยังเขียนว่า พรรคพลังประชารัฐใช้ปัจจัยในการเมืองแบบเก่าเพื่อเอาชนะ คือ นโยบายประชานิยม ส.ส.ที่ดูดจากพรรคอื่น ประกอบกับอำนาจรัฐราชการ นอกเหนือจากฐานเสียงอนุรักษนิยมในต่างจังหวัด องค์ประกอบของรัฐบาลที่อาจเกิดจากพรรคพลังประชารัฐตั้งจะมีองค์ประกอบจะเป็นนักการเมืองทุนท้องถิ่น ย้อนกลับไปเหมือนสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ[40]
ก่อนมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ในเดือนมิถุนายน 2562 มีข่าวแย่งตำแหน่งภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยกลุ่มสามมิตรซึ่งประกอบด้วยสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมศักดิ์ เทพสุทิน และอนุชา นาคาศัยแถลงยืนยันว่าตนต้องได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีตามโผในวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งหากไม่ตรงก็จะแสดงจุดยืนอีกครั้ง และมีข่าวกลุ่มสามมิตรพยายามเสนอญัตติขับไล่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกจากตำแหน่ง เพราะ "เป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและของรัฐบาลเป็นอย่างสูง ... ไม่ยึดโยงกับ ส.ส. ในพรรค ไม่เห็นหัว ส.ส. ในพรรคแม้แต่คนเดียว ... ท่านทำให้พรรคเราแตกแยก"[41] ก่อนที่ต่อมากลุ่มสามมิตรจะยอมล้มข้อเรียกร้องของตนเองและยอมรับให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดสรรคณะรัฐมนตรี[42] โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าจะมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจากอุตตม สาวนายนเป็นพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา[43]
ต้นเดือนกรกฎาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐออกมายอมรับว่าต้องชะลอนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาทต่อวัน แม้ก่อนหน้านี้จะยืนยันว่าจะนำนโยบายไปปฏิบัติในระหว่างหาเสียง[44]
การเลือกตั้ง | จำนวนที่นั่ง | คะแนนเสียงทั้งหมด | สัดส่วนคะแนนเสียง | ผลการเลือกตั้ง | ผู้นำเลือกตั้ง |
---|---|---|---|---|---|
2562 | 119 / 500 | 8,441,274 | 23.74% | แกนนำจัดตั้งรัฐบาล | พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา |
เมนูนำทาง
พรรคพลังประชารัฐ ประวัติใกล้เคียง
พรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2541) พรรคพลังประชารัฐ พรรคพลังธรรม พรรคพลังบูรพา พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคพลังปวงชนไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคพลังประชาชน (เกาหลีใต้) พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคพลังแหล่งที่มา
WikiPedia: พรรคพลังประชารัฐ http://www.fitchsolutions.com/country-risk-soverei... http://www.instagram.com/pprpthailand http://www.khaosodenglish.com/politics/2018/11/19/... http://www.khaosodenglish.com/politics/2018/11/27/... http://www.khaosodenglish.com/politics/2019/02/27/... http://www.nationmultimedia.com/detail/opinion/303... http://www.nationmultimedia.com/detail/politics/30... http://www.nationmultimedia.com/detail/politics/30... http://www.nationmultimedia.com/detail/politics/30... http://www.nationmultimedia.com/detail/politics/30...