รายละเอียดตอน ของ พรอดิวซ์_101_(ฤดูกาล_2)

ตอนที่ 1 (7 เมษายน 2560)

ในตอนแรกของรายการ เด็กฝึกหัดทั้งหมดเข้าสู่สตูดิโอถ่ายทำ ซึ่งได้จัดเตรียมที่นั่งไว้สำหรับ 101 ที่นั่ง ในรูปแบบของพีระมิด โดยจะมีหมายเลขอยู่ที่ที่นั่งเรียงตามลำดับตั้งแต่ที่นั่งหมายเลข 1 ซึ่งอยู่ชั้นบนสุด (ยอดพีระมิด) ไปจนถึงที่นั่งหมายเลข 101 จากนั้นเด็กฝึกหัดทุกคนก็ได้พบกับ โบอา รับหน้าที่พิธีกรและเป็นตัวแทนของพรอดิวเซอร์แห่งชาติ รวมถึงได้พบกับทีมเทรนเนอร์ที่จะมาช่วยดูแลและฝึกซ้อมให้คำแนะนำกับเด็กฝึกหัดทุกคน จากนั้นพิธีกรจึงได้ประกาศให้ทราบว่า เด็กฝึกหัดทุกคนจะต้องทำการแสดงความสามารถครั้งแรกต่อหน้าเหล่าเทรนเนอร์ เพื่อทำการประเมินจัดกลุ่ม โดยการประเมินจัดกลุ่มนั้นจะใช้ลักษณะของการให้เกรดตั้งแต่ A, B, C, D, ไปจนถึง F ซึ่งเด็กฝึกหัดจะทำการแสดงแบ่งตามสังกัด แต่การประเมินนั้นจะประเมินเป็นรายบุคคล

ตอนที่ 2 (14 เมษายน 2560)

หลังจากการประเมินจัดกลุ่มในรอบแรกจบลง ได้มีการเปิดเผยเพลงประจำรายการ ซึ่งมีชื่อเพลงว่า "나야나 (PICK ME)" ซึ่งเด็กฝึกหัดทุกคนจะได้ทำการแสดงเพลงนี้ในรายการ เอ็ม! เคาท์ดาวน์ แต่ท่อนร้องนั้นจะถูกแบ่งตามระดับเกรด โดยเด็กฝึกหัดที่ได้เกรด A จะได้อยู่ตรงกลางเวทีและมีท่อนร้องมากที่สุด ในขณะที่เด็กฝึกหัดที่ได้เกรด F จะไม่มีท่อนร้องและไม่ได้ยืนบนเวที อย่างไรก็ตาม พิธีกรได้แจ้งให้เด็กฝึกหัดทุกคนทราบว่า จะมีการประเมินจัดกลุ่มใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะวัดผลจากการแสดงเพลง "나야나 (PICK ME)" โดยเด็กฝึกหัดทุกคนมีเวลาในการฝึกซ้อม 3 วัน และเทรนเนอร์จะประเมินผลเด็กฝึกหัดเป็นรายบุคคลผ่านวิดีโอที่ถูกอัดไว้ นอกจากนี้ เด็กฝึกหัดที่ได้เกรด A ยังจะได้รับโอกาสขึ้นแสดงในรายการ เอ็ม! เคาท์ดาวน์ อีกครั้ง และยังได้รับโอกาสในการเป็นเซนเตอร์ของเพลงนี้ด้วย

ตอนที่ 3 (21 เมษายน 2560)

เด็กฝึกหัดทุกคนได้รับผลการประเมินรอบใหม่และย้ายไปยังระดับใหม่ของตัวเอง จากนั้นเด็กฝึกหัดทุกคนได้เลือกเซนเตอร์ของเพลง "나야나 (PICK ME)" ซึ่งเซนเตอร์นั้นจะมาจากเด็กฝึกหัดที่อยู่เกรด A เท่านั้น โดยเด็กฝึกหัดเกรด A ทุกคนจะต้องคิดการแสดง 1 นาที เพื่อแสดงความสามารถของตนเอง และเด็กฝึกหัดทั้งหมดจะเป็นผู้โหวตเพื่อเลือกเซนเตอร์ ซึ่งผู้ที่ได้รับคะแนนสูงที่สุดคือ เด็กฝึกหัด อี แดฮวี จากสังกัด แบรนด์นิวมิวสิค

ต่อมา เด็กฝึกหัดทุกคนได้พบกับพิธีกร โบอา ซึ่งได้มาประกาศถึงการแข่งขันในภารกิจแรก นั่นคือ การแข่งขันแบบกลุ่ม (Group Battle) โดยเด็กฝึกหัดจะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มทั้งหมด 16 ทีม และมีเพลงโจทย์ที่ใช้ในการแข่งขันทั้งหมด 8 เพลง การตัดสินนั้นจะให้ผู้ที่ได้เข้ามาชมการแสดงสดเป็นผู้โหวต ทีมที่ชนะคือทีมที่ได้รับคะแนนโหวตมากกว่า จะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มอีกคนละ 3,000 คะแนน และนอกจากนั้นทีมที่ได้รับคะแนนโหวตสูงที่สุดจะได้โอกาสในการขึ้นแสดงในรายการ เอ็ม! เคาท์ดาวน์ อีกครั้งด้วย การเลือกสมาชิกในทีมนั้นจะใช้การสุ่ม โดยเด็กฝึกหัด อี แดฮวี ซึ่งเป็นเซนเตอร์จะได้รับสิทธิ์ในการเลือกสมาชิกในทีมก่อน แล้วจึงทำการสุ่มชื่อของเด็กฝึกหัดคนต่อไป จากนั้นในการเลือกเพลง จะให้ตัวแทนของแต่ละทีมทำการวิ่งแข่ง ในกรณีของทีมที่เลือกเพลงเดียวกัน ตัวแทนของทีมที่วิ่งมาถึงจุดที่กำหนดก่อนจะได้รับเพลงนั้นไป และจะมีสิทธิ์ได้เลือกทีมที่จะมาแข่งขันกับทีมของตัวเองด้วย

ตอนที่ 4 (28 เมษายน 2560)

การแข่งขันแบบกลุ่ม (Group Battle) ยังคงดำเนินต่อไปกับทีมที่ยังเหลืออยู่อีก 12 ทีม และเมื่อแข่งขันครบทุกทีมแล้วจึงมีการประกาศผลคะแนนโหวตของเด็กฝึกหัดทั้งหมด โดยเด็กฝึกหัด ปาร์ค อูดัม จากสังกัด เอชเอฟมิวสิคคอมปานี คือเด็กฝึกหัดที่ได้รับคะแนนโหวตสูงที่สุด และทีมของเขาซึ่งแสดงในโจทย์เพลง "Mansae" ของศิลปินเซเวนทีน ก็ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดเช่นกัน ซึ่งทำให้ได้รับโอกาสในการขึ้นแสดงในรายการ เอ็ม! เคาท์ดาวน์

ตอนที่ 5 (5 พฤษภาคม 2560)

ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆของเหล่าเด็กฝึกหัด อาทิเช่น การฟังบรรยายคลาสพิเศษจากตัวแทนพรอดิวเซอร์แห่งชาติ โบอา, การแข่งขันหาราชานักเต้น (Dancing King), การฝึกร่างกายให้แข็งแรงกับเทรนเนอร์มืออาชีพ, การแข่งขันงัดข้อของเด็กฝึกหัด, การโหวตเลือกวิชวลเซนเตอร์, การซ่อนกล้องเด็กฝึกหัด และการประกาศผลการคัดออกครั้งแรก ซึ่งจะคัดเด็กฝึกหัดให้เหลือเพียงแค่ 60 อันดับแรกเท่านั้น ที่จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป

ตอนที่ 6 (12 พฤษภาคม 2560)

เด็กฝึกหัดทั้ง 60 คนที่ผ่านเข้ารอบได้มารวมตัวกันและได้พบกับตัวแทนพรอดิวเซอร์แห่งชาติ โบอา ซึ่งโบอาได้แจ้งให้เด็กฝึกหัดทุกคนทราบว่า หลังจากการประกาศผลอันดับครั้งแรก คะแนนของเด็กฝึกหัดทุกคนจะถูกลบแล้วเริ่มต้นนับใหม่ และสำหรับในการแข่งขันในรอบต่อไปจะคัดเด็กฝึกหัดให้เหลือเพียงแค่ 35 คนเท่านั้น ซึ่งการแข่งขันในรอบนี้จะเป็นการแข่งขันตามตำแหน่ง (Position Battle) โดยเด็กฝึกหัดจะได้เลือกแข่งขันในตำแหน่งที่ตัวเองต้องการที่จะเดบิวต์ ได้แก่ ร้อง (Vocal), เต้น (Dance) และแร็ป (Rap) ในแต่ละตำแหน่งจะมีโจทย์เพลงและจำนวนสมาชิกของแต่ละเพลงกำหนดไว้ เด็กฝึกหัดที่ได้อันดับที่ 1 จากการประกาศผลอันดับที่ผ่านมาจะได้เลือกเป็นคนแรก และเรียงตามอันดับไปจนถึงอันดับที่ 60 โดยที่เด็กฝึกหัดจะไม่รู้ว่าคนอันดับก่อนหน้านั้นเลือกแข่งขันในตำแหน่งใดและเพลงใด เด็กฝึกหัดที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดในแต่ละทีมจะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่ม 10,000 คะแนน และถ้าเป็นคนที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดในตำแหน่งนั้นๆ จะได้รับคะแนนพิเศษเพิ่มอีก 100,000 คะแนน รวมเป็น 110,000 คะแนน

ในวันทำการแสดงสด โบอา ไม่สามารถมาร่วมถ่ายทำได้เนื่องจากติดงาน จึงได้ อีทึก จากวงซูเปอร์จูเนียร์ รับหน้าที่พิธีกรพิเศษแทน

ตอนที่ 7 (19 พฤษภาคม 2560)

ต่อจากตอนที่แล้ว เป็นการแข่งขันแบ่งตามตำแหน่ง (Position Battle) กับทีมที่เหลือ และหลังจากทำการแสดงครบทุกทีมแล้ว อีทึกจึงได้ประกาศอันดับคะแนนรวมของเด็กฝึกหัดทั้งหมดแบ่งตามตำแหน่ง เด็กฝึกหัด 13 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจาก 13 ทีม จะได้รับคะแนนพิเศษคนละ 10,000 คะแนน และเด็กฝึกหัดที่ได้อันดับที่ 1 จากตำแหน่งร้อง, เต้นและแร็ป จะได้รับคะแนนพิเศษอีก 100,000 คะแนน

ตอนที่ 8 (26 พฤษภาคม 2560)

เข้าสู่รอบ Concept Evalution โดยแบ่งเด็กฝึกหัดตามคอนเส็ปต์ที่พรอดิวซ์เซอร์ทั่วประเทศได้เลือกไว้ให้ ดังนี้

และประกาศผลการคัดออกรอบที่สอง โดยจะคัดเหลือ 35 อันดับแรก

ตอนที่ 9 (2 มิถุนายน 2560)

เข้าสู่รอบ Concept Evalution เนื่องจากมีการคัดออกและเด็กฝึกหัดในแต่ละคอนเส็ปต์มีจำนวนไม่เท่ากัน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในแต่ละคอนเส็ปต์ และในรอบนี้ทีมที่ได้คะแนนสูงสุด จะได้คะแนนพิเศษ 220,000 คะแนน โดยผู้ทีได้อันดับ 1 ในทีมที่ชนะจะได้ 100,000 คะแนน ส่วนลำดับถัดไปจะได้คนละ 20,000 คะแนน

ตอนที่ 10 (9 มิถุนายน 2560)

ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆของเหล่าเด็กฝึกหัด อาทิเช่น การแข่งกีฬาสี, การโหวตเลือกเด็กฝึกหัดที่ 1 ในดวงใจ, ประกาศผลผู้ชนะที่ได้คะแนนพิเศษ 100,000 คะแนน ในรอบ Concept Evalution และการประกาศผลการคัดออกครั้งที่ 3 ซึ่งจะคัดเด็กฝึกหัดให้เหลือเพียงแค่ 20 อันดับแรกที่จะได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย หลังจากนั้นเด็กฝึกหัดที่ผ่านเข้ารอบต้องเลือกเพลงที่จะใช้แข่งขันรอบสุดท้ายและตำแหน่งของตัวเอง

ตอนที่ 11 (16 มิถุนายน 2560)

ประมวลภาพการฝึกซ้อมเพื่อแข่งขันในรอบสุดท้ายของเด็กฝึกหัดในแต่ละทีม และเฉลยเซ็นเตอร์ โดย ทีม Hands On Me - แบ จินยอง (ซีไนน์) และ Super Hot - ฮา ซองอุน (อาดอร์แอนด์เอเบิล) มีโชว์พิเศษคือเพลง 나야나 (Pick Me) และ Always และสุดท้ายคือการประกาศ 11 อันดับเพื่อเดบิวต์เป็น Wanna One บอยแบนด์ที่คัดเลือกโดยพรอดิวซ์เซอร์ทั่วประเทศ

ใกล้เคียง