พระกริ่ง
พระกริ่ง

พระกริ่ง

พระกริ่ง คือพระพุทธรูปขนาดเล็ก มีรูปแบบทั่วไปคือเป็นพระพุทธรูปประทับบนฐานบัวคว่ำบัวหงายเฉพาะเพียงด้านหน้า พระหัตถ์ขวาแสดงปางมารวิชัย พระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา บนฝ่าพระหัตถ์มีหม้อยาหรือผลไม้ที่เป็นยาวางไว้ ซึ่งพุทธลักษณะคล้ายพระไภษัชยคุรุ จนเชื่อว่าพระกริ่งทุกองค์คือ พระไภษัชยคุรุ[1][2] เป็นพระพุทธเจ้าปางหนึ่งของลัทธิมหายาน เป็นครูในด้านเภสัช รักษาพยาบาล ตามความเชื่อโบราณ นิยมนำพระกริ่งอธิษฐานแช่น้ำทำเป็นน้ำพระพุทธมนต์แล้วดื่มกินด้วยความเชื่อว่า จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และเชื่อว่าช่วยขจัดอันตรายทั้งหลายทั้งปวง เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และด้านโชคลาภเมตตามหานิยม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ใช้พระกริ่งปวเรศนี้ทําน้ำพุทธมนต์ที่ใช้ในพิธีมุรธาภิเษก[1]การสร้างพระกริ่งเริ่มต้นที่ประเทศทิเบตและจีน จึงเรียกพระกริ่งทิเบตและพระกริ่งหนองแส ต่อมานิยมสร้างในเขมร เรียกว่า พระกริ่งอุบาเก็ง หรือพระกริ่งพนมบาเก็ง และพระกริ่งพระปทุมสุริยวงศ์ พบว่าขอมได้สร้างพระกริ่งปทุมขึ้นอย่างแพร่หลายทุกยุคในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศบูชาแด่พระพุทธไภษัชยคุรุ ซึ่งได้มีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 ภายหลังแพร่หลายในหมู่ชาวไทย ลาว สำหรับประเทศไทย การสร้างพระกริ่งปรากฏเป็นหลักฐาน ก่อนยุครัตนโกสินทร์ บ้างว่า สมัยกรุงศรีอยุธยา บ้างว่าตั้งแต่สมัยสุโขทัย[3]พระกริ่งนิยมมีการบรรจุเม็ดกริ่งเป็นเม็ดโลหะเล็ก ๆ ไว้ภายในองค์พระ เพื่อเขย่าแล้วเกิดเสียงเวลาสวดมนต์ขอพรจากพระพุทธองค์ พระกริ่งมี 3 ขนาด คือ ขนาดใหญ่ สำหรับบูชาประจำบ้าน ขนาดเล็ก สำหรับทำน้ำมนต์และบูชาห้อยติดตัว ขนาดจิ๋วสำหรับบูชาติดตัว นิยมเรียกว่า พระชัยหรือพระชัยวัฒน์ นิยมสร้างนวโลหะ หรือโลหะทั้ง 9 ชนิด คือ ทองคำ เงิน ทองแดง พลวง ดีบุก สังกะสี ชิน ปรอท เจ้าน้ำเงิน ตามตำราของโบราณาจารย์พระกริ่งที่นิยมนับถือกันมากและหายาก คือ พระกริ่งวัดสุทัศน์ สร้างโดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (แพ ติสฺสเทโว)[4]