การปลงพระชนม์พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมรณสักขี ของ พระนางเอลฟรีดา

พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมรณสักขี ทรงรับเหล้านํ้าผึ้งของพระนางเอลฟรีดามาเสวยโดยไม่ทราบว่าพระนางมีเจตนามุ่งร้าย

เอ็ดเวิร์ดได้รับการสวมมงกุฎโดยนักบุญดุนสตานที่คิงสตันเหนือเธมส์ในปีค.ศ.975 ด้วยพระชนมพรรษา 13 พรรษา หลังการบันทึกถึงการสืบสันตติวงศ์ของเอ็ดเวิร์ด พงศาวดารแองโกลแซ็กซันรายงานว่าเกิดดาวหาง และตามมาด้วยภาวะข้าวยากหมากแพงและความไม่สงบนานัปการ

แม้จะผ่านไปแล้ว แต่สองพี่น้อง เอเธลเร็ดและเอ็ดเวิร์ด ดูเหมือนจะยังคงตัวติดกัน ทว่าราชินีม่ายเอลฟ์ธรีธเกลียดชังพระโอรสเลี้ยงจับใจและปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้พระโอรสของตนสืบสันตติวงศ์ของพระราชบิดา จากการยั่วยุของพระองค์ แผนการปลงพระชนม์กษัตริย์น้อยถูกวางขึ้นอย่างลับๆ

เอ็ดเวิร์เสด็จไปเยี่ยมพระอนุชาต่างพระมารดา เอเธลเร็ดที่คอร์ฟในเนินพัวร์เบ็กของดอร์เซ็ต อจเป็นที่เดียวหรือใกล้ๆกับเนินที่ปัจจุบันซากปรังหักพังของปราสาทคอร์ฟตั้งอยู่ พระองค์เสด็จมาถึงในช่วงบ่ายของวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ.978 ตามคำเชิญของพระมารดาเลี้ยง เอลฟ์ธรีธ ที่รอพบพระองค์อย่างมุ่งร้ายอยู่ที่ประตูและจุมพิตต้อนรับพระองค์ ต่อมาพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้รับการเสนอเครื่องดื่มท้องถิ่นเพื่อช่วยให้สดชื่น ขณะที่กษัตริย์หนุ่มดับกระหายอย่างสำราญหลังการเดินทางที่คลุกฝุ่น ผู้ติดตามคนหนึ่งของพระราชินีแทงหนุ่มวัย 16 พรรษาอย่างมุ่งร้ายที่หลัง แม้จะได้รับบาดเจ็บหลายแผล แต่พระองค์ก็ดึงบังเหียนม้าและหนีออกมาได้ พยายามเสด็จกลับไปหาผู้ร่วมเดินทางของพระองค์ แต่ทรงสวรรคตระหว่างทาง พระศพที่อาบเลือดของพระองค์ถูกลากกลับมาโดยสัตว์ร้าย บอกผู้ติดตามของพระองค์ให้ทราบถึงโชคชะตาของพระองค์

พงศาวดารแองโกลแซ็กซันเชื่อมโยงว่า "ปีนี้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดถูกปลงพระชนม์ในยามเย็นที่ประตูคอร์ฟในวันที่ 15 ก่อนเดือนเมษายน (วันที่ 18 มีนาคม) และพระองค์ถูกฝังที่แวร์แฮมอย่างไร้ซึ่งเกียรติแห่งราชวงศ์" การบรรยายของพงศาวดารแองโกลแซ็กซันไม่ได้กล่าวโทษว่าใครเป็นผูสังหาร การกล่าวโทษในการปลงพระชนม์ครั้งแรกๆปรากฏอยู่ในชีวประวัติของนักบุญออสวาลด์ เขียนในปีค.ศ.1000 โดยเบิร์ทเฟิร์ธ แรมซีย์ เอ็ดเวิร์ดถูกพูดถึงว่าได้เสด็จไปเยี่ยมเยียนพระอนุชา เอเธลเร็ด และพระมารดาเลี้ยง เอลฟ์ธรีธ กลุ่มคนของเอเธลเร็ดเจิกับเอ็ดเวิร์ดและแทงพระองค์ก่อนที่จะทรงลงจากพาหนะได้ ไม่มีข้อชี้ชัดว่ามีคนอื่นนอกเหนือจากผู้ติดตามของเอเธลเร็ดเกี่ยวข้องกับการปลงพระชนม์ ในการเทศน์ของปีค.ศ.1014 อาร์ชบิชอปวูล์ฟสตานแห่งยอร์กพูดถึงการปลงพระชนม์ แต่เลี้ยงที่จะเอ่ยนามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง "คนพวกนั้นวางแผนต่อต้านเอ็ดเวิร์ดและต่อมาก็ปลงพระชนม์พระองค์และเผาพระองค์หลังจากนั้น"

เอ็ดเวิร์ดถูกฝังที่แวร์แฮมและการปลงพระชนม์พระองค์ไม่ได้รับการลงโทษ เอลฟ์ธรีธได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนของพระโอรสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจนกระทั่งพระองค์บรรลุนิติภาวะในปีค.ศ.984 เอเธลเร็ดปรากฏว่าถูกก่อกบฏโดยที่ปรึกษาอาวุโสของพระองค์ แต่น่าจะเป็นกลุ่มของขุนนางหนุ่มมากกว่า พระมารดาของพระองค์หายไปจากของพยานในกฎบัตรตั้งแต่ราวปีค.ศ.983-993 เมื่อพระนางปรากฏตัวอีกครั้งในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิม พระนางยังคงเป็นคนสำคัญ มีหน้าที่ดูแลพระราชบุตรของเอเธลเร็ดกับมเหสีพระองค์แรก เอลฟ์จิฟู โอรสพระองค์โตของเอเธลเร็ด เอเธลสตาน สวดมนต์ให้กับดวงวิญญาณของพระอัยยิกาว่า "ผู้เลี้ยงดูข้า" ในพินัยกรรมในปีค.ศ.1014 ว่ากันว่าเพราะสำนึกผิดอย่างสุดซึ้งกับการปลงพระชนม์เอ็ดเวิร์ดมรณสักขี ราชินีเอลฟ์ธรีธจึงไปเป็นแม่ชีที่อารามประจำพระองค์ เวอร์เวลล์แอบบีย์ในแฮมพ์เชียร์ และสวรรคตที่นั่นในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ.999, 1000 หรือไม่ก็ 1001

ใกล้เคียง

พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระนางเธอ ลักษมีลาวัณ พระนางจามเทวี พระนางสิริมหามายา พระนางจิรประภาเทวี พระนามของพระเป็นเจ้าในศาสนาอิสลาม พระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระนางวิสุทธิเทวี พระนางศุภยาลัต พระนางเหมชาลา พระทันทกุมาร