เหตุการณ์สำคัญ ของ พระยาชัยสุนทร_(หนู)

•ปี พ.ศ. 2411 พระยาไชยสุนทร(กิ่ง) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์พร้อมกับพระอินทิสาร(ขี่)ราชวงศ์เมืองกาฬสินธุ์และท้าวคำไภยราชวงศ์เมืองสหัสขันธ์ ถึงแก่กรรมลง จึงโปรดเกล้าฯให้อุปฮาดหนูม้าวเป็นที่”พระยาไชยสุนทร” เจ้าเมือง ท้าวเหม็นเป็นที่”พระไชยสุนทร”อุปฮาด เพี้ยซานนท์(โคตร)เป็นที่ราชวงศ์ พระไชยสุริยมาตย์(สุรินทร์)เป็นที่ราชบุตร พระศรีวรวงศ์(สี)และขอพระโพธิสาร(คำ)เป็นผู้ช่วยเจ้าเมือง รักษาราชการเมืองกาฬสินธุ์ต่อไป

•ปี พ.ศ. 2415 พระยาไชยสุนทร(หนู) ลงไปรับนามสัญญาบัตรเป็นที่เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ซึ้งท้าวเพี้ยเมืองสหัสขันธ์ที่ลงไปด้วยนั้นได้เป็นโจทก์ฟ้องกล่าวโทษพระประชาชนบาล(แสน)เจ้าเมืองเห็นว่ามีความผิด จึงโปรดเกล้าฯมีท้องตราขึ้นมาวางที่เมืองกาฬสินธุ์ให้ถอดพระประชาชนบาล(แสน)ออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองและขอตั้งท้าวโคตรเป็นที่”พระศรีสุวรรณ”เจ้าเมืองแซงบาดาลได้รับพระราชทาน”ถาดหมากคนโทเงิน ๑ สำรับ สัปทนแพรคัน ๑ เสื้อเข้มขาบริ้วดี ๑ แพรสีติดขลิบ ๑ ผ้าส่านวิลาส ๑ แพรขาวห่ม ๑ ผ้าม่วงจีน ๑ เป็นเครื่องยศและท้าวหงส์เป็นราชวงศ์เมืองท่าขอนยางได้รับพระราชทานเสื้อเข้มขาบก้านแย่ง ๑ แพรสีทับทิมติดขลิบ ๑ ผ้าส่านวิลาศ ๑ แพรขาวห่ม ๑ ผ้าม่วงจีน ๑ เป็นเครื่องยศ

•ปี พ.ศ. 2416 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีตราถึงบรรดาหัวเมืองตะวันออกว่าให้ยกเลิกตั้งธรรมเนียมการตั้งข้าหลวงกองสัก ที่มาสักเลกตามหัวเมืองและยอมอนุญาตให้ไพร่ไปอยู่ตามใจสมัครแล้วให้ทำบัญชีสำมะโนครัวตัวเลกส่งลงไปยังกรุงเทพฯและพระยาไชยสุนทร(หนู)ได้มีใบบอกขอตั้งเมืองกันทรวิชัยซึ่งเพี้ยคำมูลได้อพยพท้าวเพี้ยตัวเลกที่สมัครรวม ๒,๗๐๐ เศษมาตั้งอยู่นั้น โดยให้เพี้ยคำมูล ชาวเมืองมหาสารคามเป็นที่”พระประทุมวิเศษ”เจ้าเมือง เพี้ยเวียงแกเป็นที่อุปฮาด เพี้ยเมืองทอเป็นที่ราชวงศ์ เพี้ยนามวิเศษเป็นที่”หลวงจำนงภักดี”ผู้ช่วย ยกบ้านกันทาเป็นเมืองกันทรวิชัย ทำราชการขึ้นกับเมืองกาฬสินธุ์

•ปี พ.ศ. 2417 พระยามหาอำมาตย์(ชื่น) ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่เมืองอุบลราชธานีเกณฑ์กำลังคนในหัวเมืองตะวันออกเพื่อเตรียมสู้รบกับจีนฮ่อ พระยามหาอำมาตย์(ชื่น)ได้สู้รบเป็นสามารถปะทะกับทัพจีนฮ่อที่เมืองหนองคาย จนพวกฮ่อพ่ายแพ้ถอยกลับไป เมื่อเสร็จราชการอยู่ที่เมืองหนองคายและโปรดเกล้าฯให้ตั้งตั้งหลวงจุมพลพนาเวส(มุ่ง)เป็นที่พระประชาชนบาล เจ้าเมืองสหัสขันธ์

•ปี พ.ศ. 2419 พระราษฎรบริหาร(เกษ) เจ้าเมืองกมลาไสย ถึงแก่กรรมด้วยวัย ๗๐ ปีเศษ เป็นเจ้าเมืองได้ ๑๑ ปีส่วนพระยาไชยสุนทร(หนู) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ มีเหตุวิวาทบาดหมางกับพระพิชัยอุดมเดช เจ้าเมืองภูแล่นช้างและพระธิเบศวงษา(ด้วง) เจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์และได้ลงไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้รับสั่งให้เจ้าพนักงานให้แยกเมืองกุดสิมนารายณ์ออกจากเมืองกาฬสินธุ์ไปทำราชการขึ้นกับเมืองมุกดาหารแทน ส่วนเมืองภูแล่นช้างแยกจากเมืองกาฬสินธุ์ไปทำราชการขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ

•ปี พ.ศ. 2420 พระยาไชยสุนทร(หนู) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ มีเหตุวิวาทบาดหมางกับหลวงจุมพนาเวส(มุ่ง) ผู้ว่าที่”พระประชาชนบาล”เจ้าเมืองสหัสขันธ์ จนมีเรื่องฟ้องร้องลงไปยังกรุงเทพฯ สอบสวนคดีความแล้วพระประชาชนบาล(มุ่ง)เป็นผู้ชนะ จึงโปรดเกล้าฯ ให้หลวงจุมพลพนาเวส(มุ่ง)เป็นที่”พระประชาชนบาล”เจ้าเมืองสหัสขันธ์ ให้แยกจากเมืองกาฬสินธุ์ไปทำราชการขึ้นกับเมืองกมลาไสยแทน ส่วนเมืองกมลาไสยนั้นโปรดเกล้าฯ ให้อุปฮาด(ทอง)บุตรเจ้าเมืองคนเก่าเป็นที่”ราษฎรบริหาร”เจ้าเมือง ราชวงศ์(บัว)เป็นที่อุปฮาด ราชบุตร(คำแสน)เป็นที่ราชวงศ์ หลวงชาญวิไชยยุทธ(นวน)ผู้ช่วยเป็นที่ราชบุตร ส่วนพระยาไชยสุนทร(หนู) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ ได้ล้มป่วยรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพฯเมื่อครั้งเป็นคดีความกับเมืองสหัสขันธ์ไม่นานก็ถึงแก่กรรม

ใกล้เคียง

พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ) พระยาพิชัยดาบหัก พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) พระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พระยาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)