เสด็จสวรรคต ของ พระเจ้าปฤถวีนารายัณ_ศาหะ

พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะ

พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะทรงขยายอาณาเขตและรักษาความสงบสุขแต่พระองค์ทรงปฏิเสธการเจริญสัมพันธไมตรีกับอังกฤษ ทรงปฏิเสธที่ทำการค้ากับชาวอังกฤษ พระองค์เสด็จสวรรคตก่อนที่จะทรงวางรากฐานประเทศให้มีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะเสด็จสวรรคต จึงโปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงเข้าเฝ้า โดยทรงขอให้เจ้านายทุกพระองค์ยึดถือเป็นกฎต่อไปว่าการสืบราชสมบัติจะต้องเป็นของพระโอรสองค์โตในกษัตริย์ที่อยู่ในสิริราชสมบัติเท่านั้น การทีทรงตั้งกฎนี้เพื่อป้องกันการแย่งชิงราชบัลลังก์เหมือนราชรัฐอื่น ๆ และกฎมณเฑียรบาลนี้ได้รับการยึดถือต่อมา[3] พระองค์เสด็จสวรรคตในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2318 สิริพระชนมายุ 52 พรรษา พระนางนเรนทราลักษมีศาหะ พระอัครมเหสีทรงกระทำตามประเพณีฮินดูคือพิธีสตี เมื่อสามีตายภรรยาต้องโดดเข้ากองไฟเพื่อตายตาม พระนางและนางพระกำนัลทรงกระโดดเข้ากองไฟสิ้นพระชนม์ตามพระราชสวามี[4] เจ้าชายประตาปสิงห์ พระราชโอรสองค์โตทรงครองราชย์สืบต่อเป็น พระเจ้าประตาปสิงห์ ศาหะ และพระราชปณิธานการรวมชาติของพระองค์ได้รับการสานต่อโดยพระโอรสอีกพระองค์หนึ่งคือ เจ้าชายบะหะดูร์ศาหะ

ใกล้เคียง

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ