พระเพลิงเผากิเลส
พระเพลิงเผากิเลส

พระเพลิงเผากิเลส

บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งพระเพลิงเผากิเลส (อิตาลี: Falò delle vanità, อังกฤษ: Bonfire of the Vanities) หมายถึงการก่อเพลิงเพื่อเผาสิ่งต่างๆ ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดบาป (Occasion of sin) พระเพลิงเผากิเลสครั้งสำคัญที่เป็นที่รู้จักกันดีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1497 เมื่อผู้สนับสนุนนักบวชโดมินิคันจิโรลาโม ซาโวนาโรลาไปรวบรวมสิ่งต่างๆ ที่ถือว่าเป็นสิ่งก่อให้เกิดความหย่อนตัวในทางจริยธรรม และนำมาเผาต่อหน้าสาธารณชนในกองเพลิงใหญ่กลางจตุรัสซินยอเรียในฟลอเรนซ์[1][2]วัตถุประสงค์ของการกระทำครั้งนี้ก็เพื่อทำลายสิ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ยั่วให้เกิดการทำบาปที่รวมทั้งสิ่งที่สร้างความฟุ้งเฟ้อและความหลงตัว (vanity) ที่รวมทั้ง: กระจก, เครื่องสำอาง, ภาพลามก, หนังสือนอกศาสนา, ประติมากรรมที่ถือว่าขาดจริยธรรม, โต๊ะเล่นเกม, หมากรุก, เครื่องดนตรี, เสื้อผ้าหรูหรา, หมวกสตรี และงานที่ถือว่าขาดจริยธรรมของกวีโบราณ เช่นงานเขียนของจิโอวานนิ โบคคาชโชและหนังสือเพลงที่ไม่ใช่เพลงศาสนา และงานศิลปะที่รวมทั้งจิตรกรรมและประติมากรรมแม้ว่าจะกล่าวกันว่าซานโดร บอตติเชลลีเผาภาพเขียนของตนเองที่เป็นภาพเขียนเกี่ยวกับตำนานเทพกรีกและโรมันไปหลายภาพและก็ไม่หลักฐานสนับสนุนเป็นการแน่นอน จอร์โจ วาซารีเพียงแต่บันทึกว่าบอตติเชลลีสนับสนุนจิโรลาโม ซาโวนาโรลา: “[บอตติเชลลี]สนับสนุน[ซาโวนาโรลา]อย่างแข็งขันจนถึงกับละทิ้งการเขียนภาพ จนทำให้ไม่มีรายได้ที่จะเลี้ยงตนเอง และตกอยู่ในสภาพอันน่าสมเพช” โอเรสเทส บราวน์สันปัญญาชนและผู้แก้ชื่อเสียงของซาโวนาโรลาชาวนิวอิงแลนด์กล่าวถึงเฉพาะภาพเขียนของฟราบาร์โทโลเมโอ, ลอเร็นโซ ดิ เครดี และ “จิตรกรอื่นๆ อีกหลายคน” และ “ประติมากรรมโบราณหลายชิ้น”[3] การก่อพระเพลิง (bonfire) ดังว่ามิได้คิดขึ้นโดยซาโวนาโรลา แต่เป็นสิ่งที่ทำกันมาตั้งแต่เมื่อมีการเทศนานอกวัดโดยนักบุญแบร์นาร์ดิโนแห่งเซียนาในครึ่งแรกของศตวรรษ

ใกล้เคียง

พระเพชรคีรี (เจ้าแก้วเมืองไท ณ ลำปาง) พระเพลิงเผากิเลส พระเพทราชา พระเพลิง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ