การลี้ภัย ของ พัก_ย็อน-มี

มุมมองของพักต่อตระกูลคิมที่ปกครองประเทศเกาหลีเหนือเปลี่ยนไปเมื่อเธอแอบดูดีวีดีภาพยนตร์ ไททานิค ที่ถูกลักลอบนำเข้าประเทศ ซึ่งทำให้เธอเข้าใจว่ารัฐบาลของเกาหลีเหนือนั้นแท้ที่จริงแล้วกดขี่ประชาชน เธอกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นทำให้เธอเข้าใจความหมายของความรักที่แท้จริงและให้เธอได้ลิ้มลอง "รสชาติแห่งเสรีภาพ"[8]

หลังจากพ่อของพักพ้นโทษกลับมาพบกับครอบครัว เขาก็รบเร้าให้ทุกคนหนีออกไปประเทศจีน อย่างไรก็ตาม พัก อึน-มี พี่สาวของพัก ย็อน-มีได้หลบหนีล่วงหน้าไปก่อนแล้ว[1] พักและครอบครัวของเธอหวาดกลัวว่าพวกเขาจะถูกลงโทษเนื่องจากอึน-มีหลบหนีออกไป พักและครอบครัวจึงเดินทางสู่พรมแดนจีนในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2007 โดยมีนายหน้าค้ามนุษย์ช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม พ่อของพักล้มป่วยและตัดสินใจอยู่ที่ประเทศเกาหลีเหนือเพราะกลัวว่าอาการป่วยจะทำให้พวกเธอเดินทางช้าลง [1][9] พักและแม่ของเธอซึ่งยังคงเดินทางต่อไปข้ามพรมแดนเกาหลีเหนือ-จีนเข้าสู่มณฑลจี๋หลิน พวกเธอพยายามสอบถามว่าอึน-มีพักอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีใครทราบ ย็อน-มีและแม่คาดเดาว่าอึน-มีน่าจะเสียชีวิตแล้ว[1] หนึ่งในกลุ่มนายหน้าค้ามนุษย์ข่มขู่ย็อน-มีให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย มิฉะนั้นจะแจ้งความไปยังทางการของเกาหลีเหนือ แม่ของเธอเข้าขวางและเสนอตัวแทน

ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พักส่งข้อความถึงพ่อและพยายามช่วยให้เขาหลบหนีข้ามมายังประเทศจีน อย่างไรก็ตาม เมื่อพ่อของพักเดินทางถึงประเทศจีนแล้วเขาพบว่าเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย เขาเสียชีวิตลงในเดือนมกราคมปีถัดมา โดยครอบครัวของเขาที่พักอาศัยในประเทศจีนอย่างหลบซ่อนไม่สามารถจัดงานศพอย่างเป็นทางการได้เพราะกลัวว่าจะถูกทางการจีนพบเข้า พวกเธอจำใจต้องฝังร่างของเขาไว้ที่เชิงเขาใกล้เคียง

พักและแม่เดินทางเข้าสู่เมืองชิงเต่า มณฑลชานตง และพบกลุ่มมิชชันนารีคริสเตียนชาวจีนและเกาหลีที่เปิดศูนย์อพยพ กลุ่มมิชชันนารีตั้งเงื่อนไขว่าจะยอมช่วยเหลือก็ต่อเมื่อเธอเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ก่อน[10]ซึ่งเธอยินยอม เนื่องจากชิงเต่ามีประชากรเชื้อสายเกาหลีจำนวนมาก ทำให้ไม่ดูผิดสังเกต กลุ่มมิชชันนารีช่วยเหลือให้พวกเธอเดินทางสู่เกาหลีใต้ผ่านทางมองโกเลีย[1] พวกเธอเดินทางข้ามทะเลทรายโกบีในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 เข้าสู่ประเทศมองโกเลีย[1] เมื่อพวกเธอถึงชายแดน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองข่มขู่ว่าจะส่งพวกเธอกลับประเทศจีน พักและแม่ของเธอจึงขู่ว่าถ้าไม่ยอมให้ข้ามพรมแดนจะฆ่าตัวตายโดยใช้มีดที่นำติดตัวมา เจ้าหน้าที่จึงใจอ่อนและยอมให้ผ่านเข้าไป โดยตั้งเงื่อนไขให้พวกเธอต้องถูกกักบริเวณภายในสถานกักกันในกรุงอูลานบาตาร์ ก่อนที่พวกเธอจะถูกนำไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเจงกีส ข่านเพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงโซลในวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 2009[1]

พัก ย็อน-มี ใน ค.ศ. 2014

พักและแม่ประสบปัญหาในการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ในเกาหลีใต้ แต่พวกเธอก็หางานทำเลี้ยงตัวในเกาหลีใต้ได้ในเวลาต่อมา ที่กรุงโซล พักตัดสินใจศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยทงกุก[1][11] เดือนเมษายน ค.ศ. 2014 เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของประเทศเกาหลีใต้ได้แจ้งข่าวต่อพักว่าอึน-มีอพยพเข้าสู่เกาหลีใต้ โดยเดินทางผ่านประเทศจีนและประเทศไทย พัก ย็อน-มีและแม่ของเธอได้พบกับพัก อึน-มีอีกครั้ง[1]

พักเดินทางไปศึกษาต่อในนครนิวยอร์กเมื่อ ค.ศ. 2014 โดยเธอเข้าเรียนที่วิทยาลัยสตรีบาร์นาร์ด ก่อนจะเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย[12]

แหล่งที่มา

WikiPedia: พัก_ย็อน-มี http://www.aljazeera.com/news/asia-pacific/2014/10... http://www.instagram.com/yeonmi_park http://nytlive.nytimes.com/womenintheworld/2015/04... http://www.post-gazette.com/opinion/2014/05/27/Nor... http://www.depauw.edu/news-media/latest-news/detai... http://www.libertyinnorthkorea.org/summit-speaker-... //www.worldcat.org/issn/0362-4331 //www.worldcat.org/oclc/921419691 https://www.facebook.com/HigherPerspective/videos/... https://www.facebook.com/OfficialYeonmiPark